เทคโนโลยีกลุ่มปัญญาประดิษฐ์หรือที่นิยมเรียกกันย่อ ๆ ว่า AI (Artificial Intelligence) เทคโนโลยีที่กำลังรุกคืบมาในทุกธุรกิจ ทั้งเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่จะมองข้ามไม่ได้ ทั้งที่ผ่านมาเรามีโอกาสได้เห็นหุ่นยนต์ทำหน้าในภาคของการผลิตมากยิ่งขึ้น ทั้งที่สิ่งเหล่านี้หากย้อนไปใน10 ปีที่แล้วยังเป็นเพียงแนวคิดที่เรามองว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัว แต่นับจากเทคโนโลยี AI จะรุกคือมาในวิถีชีวิตมนุษย์มากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแค่ในภาคอุตสาหกรรมอีกต่อไป
กรณีตัวอย่างการใช้เทคโนโลยี AI ในหุ่นยนต์ทำความสะอาดทดแทนคน ชื่อว่า Whiz โดยบริษัทซอฟต์แบงก์ กรุ๊ป คอร์ป เผยโฉมหุ่นยนต์ทำความสะอาดซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยี AI โดยวางแผนที่จะเปิดให้บริการเช่าแก่สำนักงานและร้านอาหารในเดือนมีนาคม 2562
อีกกรณีตัวอย่างของ AI ที่อยู่กำลังเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ก็เช่นระบบที่ใกล้ตัวสุดๆ อย่างการเลือกแสดงข้อมูลหรือโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของแต่ละคนใน Facebook หรือ Google , ระบบที่ใช้เสียงพูดแทนการกดแป้นพิมพ์พิมพ์ตัวอักษรในสมาร์ทโฟน , chat bot ที่สามารถพูดคุยและตอบคำถามกับลูกค้าแทน call center ที่เป็นคนจริงได้ , รถไร้คนขับที่เริ่มทดลองวิ่งแล้วในหลายๆ เมืองทั่วโลก , Amazon Go ห้างสรรพสินค้ารูปแบบใหม่ที่ขั้นตอนการเดินเลือกซื้อของ การจับจ่ายและการคิดเงินเป็นอัตโนมัติทั้งหมด , ระบบการคัดแยกผลิตผลทางการเกษตรจากรูปภาพโดยอัตโนมัติ , ระบบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อกู้ยืมจากการวิเคราะห์ข้อมูลในอดีต และอีกหลายอย่างที่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่า มันคือเทคโนโลยี AI
อย่างที่ให้ข้อมูลไว้ในข้างต้น AI คือปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถทำงานร่วมกันได้ทุกอย่าง ทำให้ในปัจจุบัน การที่เราสามารถผนวกการใช้ซอฟแวร์ และเทคโนโลยีBig DATA และอื่นๆ เข้าด้วยกัน ยิ่งเป็นการเสริมศักยภาพการทำงานให้AIมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
AI ในภาคธุรกิจ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ฐิติรัตน์ ศิริบวรรัตนกุล คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ระบุว่า ความร้อนแรงของเทคโนโลยี AI ในปัจจุบันนั้น สามารถพบได้ทั่วไปทั้งในระดับนานาชาติและในระดับชาติเลยค่ะ ในระดับนานาชาติ บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกไม่ว่าจะเป็นกูเกิล แอปเปิล ไมโครซอฟต์ เฟซบุ๊ก ซัมซุง หัวเว่ย อะโดบี ฯลฯ ต่างก็พากันเปิดตัวผลิตภัณฑ์หรือฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่สร้างขึ้นจากสมองกล AI เกือบทั้งสิ้น โดยเฉพาะเฟซบุ๊กที่แม้แต่ Yan LeCun นักวิทยาศาสตร์คนดังผู้ก่อตั้งห้องปฏิบัติการ AI ในเฟซบุ๊ก ขึ้นเมื่อห้าปีก่อน ยังออกมากล่าวเมื่อต้นเดือนธันวาคม ค.ศ. 2018 ที่ผ่านมานี้เลยค่ะว่า “หากไม่มี AI เฟซบุ๊กในวันนี้ก็แทบจะไม่มีอะไรเหลือแล้ว” ตั้งแต่สิ่งที่ถูกเลือกให้มาปรากฏบนหน้า News feed ไปจนถึงโฆษณาต่าง ๆ บนเฟซบุ๊กที่ถูกเลือกมาแสดงให้เราเห็นนั้น ล้วนแต่มี AI ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Deep Learning เป็นกลไกแอบซ่อนอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น
ในแง่ของธุรกิจ AI สามารถแทรกตัวเข้ามามีอิทธิพลกับภาคธุรกิจต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ธุรกิจขนาดใหญ่ส่วนมากมักจะมีความพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยการริเริ่มใช้ AI จากโครงการนำร่อง สู่การปรับใช้และแพร่ขยายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
ในภาคบริการทางการเงิน สามารถทำการบันทึกข้อมูลได้แบบเรียลไทม์จำนวนหลายพันรายการต่อวินาที จะถูกแยกแยะ และวิเคราะห์โดยอัลกอริธึมการเรียนรู้ของเครื่องจักร ไปจนถึงภาคค้าปลีกจะสามารถการซื้อขาย โดยใช้ AI เพื่อหาวิธีการที่จะทำให้สามารถขายสินค้าได้ดีขึ้นในรูปแบบเฉพาะราย (personalization)
โรงงานผู้ผลิตจะใช้เทคโนโลยี AI ในการทำนายได้อย่างแม่นยำว่าเครื่องจักร เช่น หุ่นยนต์ มีขีดความสามารถในการผลิตอย่างไร และมีแนวโน้มจะเสียหายหรือทำงานล้มเหลวเมื่อใด ซึ่งในปี 2019 เราจะได้เห็นว่าความเชื่อมั่นที่เพิ่มมากขึ้นว่าเทคโนโลยีอันชาญฉลาดสามารถคาดการณ์ได้แม่นยำ และสามารถทำงานในโรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าการใช้แรงงานมนุษย์
ในปัจจุบันมีแนวโน้มว่าในภาคธุรกิจจำนวนมากมีการใช้ข้อมูลของตนเพื่อสร้างรายได้ใหม่ๆ การสร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่ในการทำธุรกรรม และกิจกรรมของลูกค้าภายในอุตสาหกรรมทำให้ธุรกิจมีการใช้ข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์และพยากรณ์เป็นจำนวนมาก จนทำให้ธุรกิจในรูปแบบ data-as-a-service สามารถเข้ามาเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งในปี 2019 บริษัทต่างๆ จะใช้กลยุทธ์นี้เพื่อสร้างคุณค่าของข้อมูลที่ได้สร้างไว้ด้วยมูลค่ามหาศาล
วันนี้ เราคงไม่สามารถปฏิเสธได้อีกต่อไปว่า ‘สมองกล’ หรือ AI ที่เมือ 10 ปีก่อนเราคิดว่ามีในภาพยนตร์ ขณะที่ทุกวันนี้ คือรูปแบบหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวัน ขณะที่ภาคธุรกิจและผู้ประกอบการ AI อาจหมายถึงผู้ช่วยชั้นเยี่ยมไม่ไม่ควรมองข้าม