เปิดไทม์ไลน์ว่าจะเกิดขึ้นจริงได้เมื่อไหร่?สำหรับนโยบายเพิ่มความเร็ว120 กม./ชม.บนทางหลวง 4เลนจากเดิมไม่เกิน 90 กม./ชม.ไอเดียสุดบรรเจิดจากภูมิปัญญาท่านรมว.คมนาคม “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ”นับตั้งแต่ก้าวแรกที่ย่างกายเข้ากระทรวงฯ
จากนั้นก็ถูกโหมโรงโรมรันพันตูกระแทกรูหูชาวบ้านให้“โดดดิด่ง”กันทั้งบางพลางกระหายกระทืบคันเร่งให้สมใจอยากพระเดชพระคุณท่านในเร็ววัน เมื่อปลายปีที่แล้วความคืบหน้าจากฝั่งกรมทางหลวง(ทล.)ได้ใจความว่าเบื้องต้นจะนำร่องใน 1 เส้นทาง คือสายเอเชีย(บางปะอิน-นครสวรรค์)ระยะทาง 150 กม.
โดยจะเริ่มจาก 50 กม.พลางๆไปก่อนส่วนอีก 100 กม.ต่อไปต้องร้องเพลงรอไปก่อน เหตุกรมทางหลวง(ทล.)ต้องทุบคลังกว่า 600 ล้าน เพื่อปรับสภาพถนน/จุดยูเทิร์น/จุดตัดถนนย่อย หวังเสกถนนสายเอเชียให้พรั่งพร้อมรองรับแรงสปีด120 กม./ชม.
คาด 50 กม.แรกจะเปิดใช้ได้ปี 63 ส่วนอีก100 กม.รวมถึงการขยายเพิ่มในอีกทางหลวงหลักอื่นๆทั้งสายมิตรภาพ, สุขุมวิท, เพชรเกษม ยัง…ต้องหาวเรอไปก่อนนะจ๊ะ!
หลังเปิดม่านฟ้าปีหนูไฟบรรลัยกัลป์มาได้ขวบเดือนชาวบ้านชาวช่องก็ถามไถ่มาเหลือเกินว่าเมื่อไหร่?จะเปิดใช้ซักทีนี่มันก็กุมภาพันธ์เข้าไปแล้ว ล่าสุด (14 ก.พ.63) มีความคืบหน้าไปอีกเปลาะหนึ่งเมื่อท่านรมว.คมนาคม “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ”นอนยันตีหลังกายันปีนี้ได้เห็นแน่….ว่างั้น!
ผ่าไทม์ไลน์จากนี้ไปภายในสัปดาห์หน้าสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)จะจัดทำประชาพิจารณ์(ร่าง)กฎกระทรวงกำหนดอัตราความเร็วนโยบายดังกล่าวระยะเวลา 30 วัน จากนั้นจะเสนอไปยังคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก(คจร.)ในช่วง มี.ค.63
ก่อนเสนอไปให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติ และมีผลบังคับใช้ภายในปีนี้อย่างแน่นอน โดยจะนำร่องบังคับใช้กับทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเชีย) ในช่วงที่มีความพร้อมและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ระบุไว้ก่อน
แหม่ะ!ได้ยินคำยืนยันจากปากเจ้ากระทรวงฯก็พากันกะซวกอารมร์ให้โดดด่งกันอีกรอบมั้ยล่ะบรรดาพ่อยกแม่ยก?
อย่าเพิ่งพากันโดดดิด่งจนลืมตัวไปนะครับพี่น้อง ไม่ใช่รถทุกประเภทที่จะบรรจงสปีดความเร็วได้ 120 กม./ชม. และไม่ใช่จะวิ่งได้ทุกเส้นทาง และเส้นทางที่กำหนดให้วิ่งได้ก็ใช่ว่าจะวิ่งได้ตลอดเส้นทางอีกด้วย โดยไส้ในร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ได้กำหนดความเร็วของรถแต่ละประเภทตามที่กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ระบุไว้ 6 ประเภท ได้แก่
1.)รถบรรทุกที่มีน้ำหนักตัวรถเกิน 2,200 กก. รถบรรทุกคนโดยสารเกิน 15 คน ใช้ความเร็วไม่เกิน 90 กม./ชม.2.)รถในขณะที่ลากจูงรถอื่น รถยนต์ 4 ล้อเล็ก หรือรถยนต์ 3 ล้อ ใช้ความเร็วไม่เกิน 65 กม./ชม.
3.)รถจักรยานยนต์ ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. หรือรถจักรยานยนต์ที่มีกำลังเครื่องยนต์ตั้งแต่ 35 กิโลวัตต์ขึ้นไป(บิ๊กไบค์) ใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม.
4.)รถโรงเรียน หรือรถรับส่งนักเรียน วิ่งได้ไม่เกิน 80 กม./ชม.5.)รถบรรทุกคนโดยสาร 7- 15 คน วิ่งได้ไม่เกิน 100 กม./ชม.
และ6.)รถยนต์อื่นนอกจากรถที่ระบุไว้ดังกล่าวข้างต้นนั้น วิงได้ไม่เกิน 120 กม./ชม.โดยขับในช่องทางเดินรถช่องขวาสุด ให้ขับโดยใช้ความเร็วไม่ต่ำกว่า 100 กม./ชม.
ต้องดูกันต่อไปล่ะครับว่าจะเป็นไปตามไทม์ไลน์ที่ท่านรัฐมนตรีผู้ทรงเกียรติได้พรั่งพรูไว้หรือไม่? คำพูดของท่านจะมีน้ำยาหรือไม่?หรือจะซื้อเวลาไปเรื่อยๆเปื่อยๆ? เพราะตั้งแต่เป็นเสนาบดีคมนาคมมา ไอ้กระผมก็ยังไม่เห็นผลงานอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันพอลูบๆคลำๆได้ เห็นมีแต่ขนมจีนแต่…น้ำยาหามีไม่?
ก็มีนโยบายนี้แหล่ะที่ชาวบ้านเชียร์กันสุดลิ่มทิ่มรูถู เอาซะที เอาให้ได้ เอาให้มันทัน เอาให้มันเกิดในยุคสมัยที่ทั่นยังนั่งเก้าอี้คมนาคม
ขืนช้าไปกว่านี้…ดีไม่ดีเก้าอี้อาจหลุดลอยไปก่อนนะครับเจ้านาย!
:ปีศาจขนส่ง