หลังถูก รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ นักวิชาการดัง ตีแสกหน้าขสมก.ชนิดหมอไม่รับเย็บปมดราม่า “ติดตั้งเครื่องกรองอากาศ”บนหลังคารถเมล์ขสมก.ว่า”เป็นเรื่องลวงโลกเช่นเดียวกับเครื่อง GT 200 แหละ …หวังว่านี่ก็ปี 2020 แล้ว ประชาชนคงไม่โดนหลอกกันง่ายๆอีกนะ”
ล่าสุด นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) อยู่นิ่งไม่ได้ต้องออกโรงโต้กลับนักวิชาการดังต่อปมดราม่าดังกล่าวด้วย 5 เหตุผล ดังนี้
1.กระทรวงคมนาคม มีนโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในเขตพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล จึงได้ทดสอบการติดตั้งเครื่องกรองอากาศต้นแบบบนหลังคารถโดยสารของ ขสมก. เพื่อทดลองกรองอากาศในการดักจับฝุ่น PM 2.5 ขณะรถโดยสารวิ่งให้บริการประชาชน
2.การทำงานเครื่องต้นแบบใช้หลักการกวาดอากาศที่มีฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเเขวนลอยอยู่บนถนน ที่มีการจราจรหนาเเน่นในกรุงเทพฯในระดับความสูงไม่เกิน 5 เมตร เมื่อรถวิ่งอากาศจะปะทะเข้าหน้ารถ และผ่านเข้าเครื่องกรองโดยอัตโนมัติ ซึ่งวิธีการดังกล่าวสามารถกรองอากาศได้โดยไม่สิ้นเปลืองพลังงาน
3.รถโดยสารที่ติดตั้งเครื่องกรองอากาศที่มีหน้ากว้าง 0.5 ลูกบาศก์เมตร บนหลังคาจะกวาดอากาศเข้าเครื่องกรอง ได้ 10,000 ลูกบาศก์เมตรต่อการวิ่งรถ 1 เที่ยว (เมื่อรถโดยสารวิ่งด้วยความเร็วเฉลี่ย 20 กม./ชม. ในระยะทางยาว 20 กม.) ซึ่งงานวิจัยในต่างประเทศระบุว่าผู้ใหญ่ 1 คนจะสูดอากาศหายใจเฉลี่ย 0.5 ลูกบาศก์เมตร/ชม. ดังนั้น รถโดยสาร 1 คัน จะช่วยกรองอากาศให้กับประชาชนที่อยู่บนถนนได้ถึง 20,000 คน
4.จากการทดลองนำรถโดยสาร ที่ติดตั้งเครื่องกรองอากาศบนหลังคารถมาวิ่งให้บริการประชาชน เมื่อวันที่ 12 ก.พ.63 ขณะที่รถวิ่งผลการวัดค่า PM 2.5 ในอากาศก่อนเข้าเครื่องกรอง มีค่าอยู่ในระดับ 48 – 52 (คุณภาพอากาศปานกลาง) ขณะที่อากาศที่ผ่านเครื่องกรองออกมาแล้ว มีค่าอยู่ในระดับ 1 – 5 (คุณภาพอากาศดีมาก)
5.การทดลองนี้เป็นความพยายามในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของประชาชน โดยกระทรวงคมนาคม ได้แต่งตั้งคณะทำงานจากหลายหน่วยงาน ซึ่ง ขสมก. ได้ดำเนินการทดลองนี้ ตามนโยบายของกระทรวงฯ หากการทดลองต่อเนื่องได้ผลเป็นที่น่าพอใจ จึงจะดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย เเละหลักเกณฑ์ของสำนักวิศวกรรมยานยนต์ กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ต่อไป
ผ่าดูไส้ใน 5 เหตุผลที่ผอ.ขสมก.อุตส่าห์ยก(เมฆ)มา พอเป็นแก่นสาร(หรือเปล่า?)ก็ข้อ 3 และ 4 นี่แหละที่สังคมกังขาว่ามันดีเลิศประเสริฐศรีขนาดนั้นเชียวหรือ?ครับท่านผอ.ขสมก.ไอ้เครื่องกรองอากาศบนหลังคารถที่ท่านภูมิใจนำเสนอพันธุ์นั้นน่ะ!
ชัวร์หรือมั่วนิ่ม????รถโดยสาร 1 คันจะช่วยกรองอากาศให้กับประชาชนที่อยู่บนถนนได้ถึง 2 หมื่นคน ที่ทำเอาสังคมอิ้งทึ่งเสียวกว่านั้น หลังจากทดลองวิ่งให้บริการประชาชน เมื่อ 12 ก.พ.63 ขณะที่รถวิ่งผลการวัดค่า PM 2.5 ในอากาศก่อนเข้าเครื่องกรองมีค่าอยู่ในระดับ 48 – 52 (คุณภาพอากาศปานกลาง) ขณะที่อากาศที่ผ่านเครื่องกรองออกมาแล้วมีค่าอยู่ในระดับ 1 – 5
ขสมก.บอกอย่างภาคภูมิใจคุณภาพอากาศมันดีวิบวับๆมาก! (ว่างั้น)
ไม่รู้ 5 เหตุผลที่ผอ.ขสมก.ยก(เมฆ)มามันจะช่วยแก้อาการ “หน้าแตก&เงิบ”กับปมมันคือ‘เรื่องลวงโลก’ที่นักวิชาการดังเขากะซวกไส้แตกได้มากน้อยเพียงใด? หรือจะกระทืบซ้ำให้หน้าแหกไปกว่านี้?
…ข้าน้อยผู้มีความรู้เท่าหางอึ๋งขออนุญาตละไว้ในฐานที่เข้าใจล่ะกัน!
ไหนๆท่านก็ออกมาแก้ต่างแล้ว หากยังพอมีเวลาว่างก็ช่วยไขข้อโคตรเง่ากังขาหน่อยเถอะครับ!กับเรื่องราคาเครื่องกรองอากาศน่ะที่พากันพรั่งพรูจะใช้ต้นทุนตัวละ7,500บาทหากติดบนรถเมล์ ขสมก.3,000 คันจะใช้งบประมาณ 21-22 ล้าน และทุก 15วันต้องเปลี่ยนแผ่นไส้กรองอากาศแผ่นละ 300-500 บาท
เพราะฟังจากท่านรมต.คมนาคม อธิบดีกรมขนส่งฯไล่ไปถึงผอ.ขสมก.ก็ยังไร้คำตอบใคร?จะเป็นเจ้าภาพพร้อมเปย์กับไอเดียสุดเก๋ครั้งนี้ ร่ายมาซะดิบดีก็ดันมาขยี้ตาตอนท้าย”ต้องหารือร่วมกันอีกครั้งว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย” มึนงงเป็นไก่ตาแตกยกเล้ามั้ยล่ะครับพี่น้อง?
คงไม่สืบให้ยาวไกลให้เสียเวลาว่าจะขยายผลไปติดรถเมล์ร่วม รถตู้โดยสายสาธารณะ และปิดท้ายกับพี่ใหญ่บนท้องถนนอย่าง “รถบรรทุก”ก็อิแค่ลองลุยไฟให้เกิดมรรคเกิดผลกับรถเมล์ขสมก.ยังถล่มเละตุ้มเป๊ะได้ถึงเพียงนี้
แล้วจะป่วยกล่าวไปใยเล่าถึงบรรดารถเมล์ร่วม-รถตู้โดยสายสาธารณะ-รถบรรทุก? มันคือนโยบายขายฝันชัดๆและไม่แปลกหรอกครับที่นักวิชาการดังจะบรรจงตีแสกหน้าเน้นๆว่า
…..มันคือเรื่องลวงโลกขนานแท้!
:ปีศาจขนส่ง