สินค้าของรัสเซียต้องประสบปัญหาการขนส่งในยุโรปนับตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม ไม่นานหลังจากรัสเซียเริ่มปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน หน่วยงานศุลกากรของเนเธอร์แลนด์และเบลเยี่ยมตัดสินใจที่จะระงับการปล่อยสินค้าไปยังรัสเซีย รวมทั้งท่าเรือที่สำคัญในเส้นทางการค้าเอเชีย-ยุโรปได้หยุดการขนถ่ายสินค้าทั้งขาเข้าและขาออกของรัสเซีย
Allard Kastelyn ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของท่าเรือรอตเตอร์ดัมซึ่งเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป กล่าวว่า มีตู้คอนเทนเนอร์ 4,500 ตู้ที่บรรจุสินค้ารัสเซียติดค้างอยู่ซึ่งตู้คอนเทนเนอร์เหล่านั้นกำลังรอการตรวจสอบอย่างละเอียดว่ามีสินค้าที่ถูกประกาศคว่ำบาตรหรือไม่ จากมาตรการที่สหภาพยุโรปได้สั่งห้ามการส่งออกผลิตภัณฑ์หลายประเภทไปยังรัสเซียจากจำนวนตู้คอนเทนเนอร์หลายพันตู้ในแต่ละลำเรือที่เดินทางมาถึงท่าเรือรอตเตอร์ดัม มีเพียงไม่กี่สิบตู้หรือไม่กี่ร้อยตู้เท่านั้น สาเหตุที่ก่อให้เกิดการคั่งค้างของสินค้านี้มาจากบริษัทขนส่งตู้คอนเทนเนอร์และบริษัทขนส่งหลายแห่งปฏิเสธไม่ดำเนินการขนถ่ายสินค้าไปยังรัสเซีย โดยตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมดต้องถูกคัดแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มและต้องมีการตรวจสอบทางกายภาพของแต่ละตู้ก่อนจึงจะสามารถปล่อยสินค้าออกจากท่าเรือได้

ทั้งนี้ การตรวจสอบดังกล่าวเป็นการเพิ่มต้นทุนค่าบริการของท่าเรือรอตเตอร์ดัมเนื่องจากมีพื้นที่จัดเก็บน้อยลงรวมทั้งค่าจ้างแรงงานและเวลาที่ต้องใช้เพิ่มขึ้น ในกรณีนี้ท่าเรืออาจต้องบริหารจัดการสถานที่จัดเก็บสำรองเป็นพิเศษหากมีจำนวนตู้คอนเทนเนอร์ที่จะส่งไปยังรัสเซียตกค้างจนล้นเทอร์มินัล
อย่างไรก็ตาม การขนส่งสินค้าที่มีปลายทางไปยังรัสเซียเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินงานของท่าเรือรอตเตอร์ดัม คิดเป็นสัดส่วนโดยประมาณร้อยละ 13 ของปริมาณสินค้าที่ขนส่งในแต่ละปี และคิดเป็นจำนวนร้อยละ 10 ของตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมดที่ผ่านท่าเรือจะมีความเกี่ยวข้องกับรัสเซียไม่ว่าเข้าหรือออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งออกเหล็ก ทองแดง อลูมิเนียมและนิกเกิลจากรัสเซียที่ผ่านท่าเรือยุโรป
นอกจากนี้ ยังมีการขนส่งน้ำมันของรัสเซียประมาณร้อยละ 30 ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ร้อยละ 25 และผลิตภัณฑ์น้ำมันและถ่านหินร้อยละ 20 ที่ถูกนำเข้าไปยังยุโรปโดยผ่านศูนย์กลางของเนเธอร์แลนด์
ที่มา: Thousands of Containers with Goods for Russia Stuck in Europe Due to Sanctions, lenta.ru , สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมอสโค