นายพงศ์ศิริ ศิริธร ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เคอรี่ โลจิสติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม Kerry Logistics Network Limited หรือ KLN บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ เปิดเผยว่า ภายหลังจากการเปิดให้บริการคลังสินค้าในโครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม. 21 ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมามีลูกค้าให้ความสนใจเข้าใช้บริการมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ บริษัทจึงตั้งเป้าทำรายได้ในปีนี้ เติบโตมากกว่า 40% เมื่อเทียบจากปี 2564
สำหรับลูกค้าหลักๆ ที่สนใจและใช้บริการคลังสินค้าของ เคอรี่ โลจิสติคส์ ยังเป็นกลุ่มแฟชั่นแอนด์ไลฟ์สไตล์ ที่เป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลกซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ในสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแต่ธุรกิจแฟชั่นแอนด์ไลฟ์สไตล์ระดับบน ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย คาดว่าในปีนี้ในกลุ่มธุรกิจแฟชั่นแอนด์ไลฟ์สไตล์ จะมีสัดส่วนรายได้เติบโตขึ้นเท่าตัว
นายพงศ์ศิริ อีกกล่าวว่า บริษัทได้ประเมิน หลังจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย ธุรกิจแฟชั่น & ไลฟ์สไตล์จะเป็นกลุ่มธุรกิจที่เติบโตโดดเด่นจะเห็นได้จากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้หลายธุรกิจได้รับผลกระทบ ขณะที่กลุ่มธุรกิจแฟชั่น & ไลฟ์สไตล์ระดับบน ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย และในอนาคตประเทศไทยมีโอกาสเป็นศูนย์รวมแฟชั่นของแบรนด์ระดับโลกมากขึ้น
“คลังสินค้าใหม่ อยู่ในทำเลที่เหมาะสม และสะดวกในการขนส่งสินค้า เป็นคลังสินค้าที่ไม่ไกลจากสนามบินสุวรรณภูมิ การเดินทางเข้าใจกลางเมืองก็มีความสะดวกรวดเร็ว น่าจะเป็นโลเคชั่นที่ลูกค้าพึงพอใจ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้า แบรนด์เนม ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าที่เป็น แบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่มาให้บริการด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์ ส่งผลให้รายได้สินค้ากลุ่มแฟชั่นแอนด์ไลฟ์สไตล์ ที่บริษัทให้บริการด้านคลังสินค้ามีอัตราการเติบโตถึง 4 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา นอกจากนี้บริษัทยังได้รับความไว้วางใจจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านไอทีจากประเทศจีน ที่มีมูลค่าทางการตลาดสูง มีสินค้าหลากหลาย มีทั้งสินค้าทั่วไปและสินค้าไฮเอนด์ เข้าใช้บริการคลังสินค้าของเคอรี่ โลจิสติคส์ ” นายพงศ์ศิริ
นายพงศ์ศิริ กล่าวอีกว่า การที่ เคอรี่ โลจิสติคส์ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า เพราะบริษัทมีทีมงานเป็นคนรุ่นใหม่เข้าใจธุรกิจของลูกค้า เข้าใจความต้องการของผู้บริโภค จึงทำให้บริษัทมีบุคลากรที่มีศักยภาพในการให้บริการ รวมทั้งบริษัทยังมีความพร้อมของเครือข่ายการให้บริการทั่วโลก ในขณะที่อัตราการให้บริการอยู่ในราคาที่เหมาะสม และในส่วนของทำเลที่ตั้งของคลังสินค้าเอื้ออำนวยความสะดวกต่อการเป็นศูนย์คัดแยก และการกระจายสินค้าซึ่งทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
“ข้อดีของการที่ เคอรี่ โลจิสติคส์ มีเครือข่ายทั่วโลก ช่วยให้การทำงานของพนักงานพัฒนาได้อย่างรวดเร็วและมีศักยภาพ เราได้เรียนรู้การทำงานจากเคอรี่ฯ ในต่างประเทศที่มีประสบการณ์มาก่อน ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ในอนาคตอยากเห็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกันกับเคอรี่ฯ ในประเทศอื่นๆ ทำการตลาดร่วมกัน สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าด้วยขั้นตอนการทำงานที่มีมาตรฐาน และมั่นใจเลือกใช้บริการกลุ่มเคอรี่ฯ ในทุกประเทศ” นายพงศ์ศิริกล่าว