เฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (FedEx) บริษัทในเครือเฟดเอ็กซ์ คอร์ปอเรชั่น (FedEx Corp.) (NYSE: FDX) หนึ่งในบริษัทขนส่งแบบด่วนที่ใหญ่ที่สุดของโลก ประกาศความร่วมมือกับบิ๊กคอมเมิร์ซ (BigCommerce) (Nasdaq: BIGC) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแบบ Software as a Service (SaaS) ชั้นนำ เปิดโอกาสให้ลูกค้าบิ๊กคอมเมิร์ซซึ่งลงทะเบียนในโครงการความร่วมมือกันระหว่างเฟดเอ็กซ์และบิ๊กคอมเมิร์ซสามารถเข้าถึงบริการการจัดส่งพัสดุเหนือระดับ พร้อมมอบประสบการณ์การจัดส่งแบบพรีเมียมให้แก่ผู้ใช้บริการในราคาที่เหมาะสม
สิทธิประโยชน์ที่ผู้ใช้จะได้รับ:
ค่าบริการเฟดเอ็กซ์ในราคาพิเศษ: ลูกค้าบิ๊กคอมเมิร์ซซึ่งลงทะเบียนในโครงการดังกล่าวจะได้รับส่วนลดพิเศษสำหรับการใช้บริการเฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส พร้อมเข้าถึงบริการการจัดส่งพัสดุของเฟดเอ็กซ์ได้โดยง่าย สะดวก รวดเร็ว
บริการการจัดส่งพัสดุเหนือระดับ: ลูกค้าบิ๊กคอมเมิร์ซสามารถเลือกใช้ประโยชน์จากบริการโซลูชั่นอีคอมเมิร์ซ อันหลากหลายรูปแบบของเฟดเอ็กซ์ ซึ่งรวมถึงบริการ เอกสารการค้าอิเล็กทรอนิกส์ ของเฟดเอ็กซ์ เพื่อดำเนินขั้นตอนการผ่านพิธีการศุลกากรได้อย่างราบรื่นขึ้น ด้วยโซลูชั่นที่เรียบง่าย และบริการ FedEx Hold-at-Location services ซึ่งเปิดโอกาสให้ลูกค้าบิ๊กคอมเมิร์ซสามารถใช้บริการส่งพัสดุไปยังร้านขายของชำ ร้านขายยา และสำนักงานเฟดเอ็กซ์ ในที่ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย
“ความร่วมมือกับบิ๊กคอมเมิร์ซถือเป็นอีกก้าวสำคัญของเฟดเอ็กซ์ ในขณะที่เรากำลังเดินหน้าพัฒนาขีดความสามารถภายในระบบนิเวศน์แบบอีคอมเมิร์ซเพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับธุรกิจต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้” นางสาวคาวอล พรีท ประธานบริษัท เฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ภูมิภาคตะวันออกกลางและทวีปแอฟริกา กล่าว “เนื่องจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซได้ กลายเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนการค้าระดับโลกในยุคหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-191 การแข่งขันที่เท่าเทียมกันจะสนับสนุนให้ผู้ค้าขายออนไลน์ในทุกขนาดสามารถต่อสู้กันได้ในเวทีระดับโลก นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้โครงการความร่วมมือกันระหว่างเฟดเอ็กซ์และบิ๊กคอมเมิร์ซกลายเป็นอาวุธสำคัญที่จะช่วยเสริม ความแข็งแกร่งด้านการจัดส่งพัสดุให้แก่ธุรกิจเอสเอ็มอี และตอบโจทย์ความคาดหวังที่สูงขึ้นจากลูกค้า ในระหว่างที่ธุรกิจเอสเอ็มอีกำลังเดินหน้าขยายธุรกิจเพื่อเติบโตในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง”
โครงการความร่วมมือดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ภูมิภาคตะวันออกกลาง และทวีปแอฟริกา อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 2 เฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพียงอย่างเดียว มีการคาดการณ์ว่ายอดขายจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าภายในปีพ.ศ. 2568 โดยมีมูลค่าสูงถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ3 สำหรับภูมิภาคตะวันออกกลางและทวีปแอฟริกา (MENA)มีการคาดการณ์ว่ายอดขายในโลกออนไลน์จะพุ่งสูงเกินกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในสิ้นปีพ.ศ. 2565 4
ในขณะที่ยอดขายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ขายสินค้าก็ต้องเผชิญหน้ากับความกดดันจากลูกค้าทั่วโลกที่จะต้องส่งพัสดุได้อย่างรวดเร็วและมีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด2 ผลสำรวจจากบิ๊กคอมเมิร์ซเผยว่า 77% ของผู้ถูกสำรวจจากกลุ่มลูกค้าทั่วโลกจะพิจารณายกเลิกการซื้อสินค้าผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซหากรู้สึกไม่พอใจกับตัวเลือกด้านการขนส่ง5
“ทุกการตัดสินใจของเราเป็นไปเพื่อช่วยให้ลูกค้าบิ๊กคอมเมิร์ซสามารถเติบโตและขยายฐานธุรกิจ รวมถึงมอบประสบการณ์การซื้อสินค้าที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ซื้อสินค้า ความสามารถในการมอบโซลูชั่นด้านการขนส่งที่น่าเชื่อถือนับเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ผู้ขายมั่นใจได้ว่าสินค้าจะได้รับการขนส่งถึงมือผู้รับภายในเวลาอันเหมาะสม” นายแชนนอน อิงเกรย์ รองประธานและกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของบิ๊กคอมเมิร์ซ กล่าว “โครงการการร่วมมือกับเฟดเอ็กซ์ทำให้ลูกค้าบิ๊กคอมเมิร์ซ มีตัวเลือกด้านการบริการมากยิ่งขึ้น โดยเปิดโอกาสให้ผู้ขายนำเสนอประสบการณ์การขนส่งระดับพรีเมียมให้แก่ผู้ซื้อสินค้า เรามีความยินดีที่จะได้ร่วมงานกับเฟดเอ็กซ์ในการมอบความมั่นใจให้แก่ผู้ขายด้วยทรัพยากรและ ความช่วยเหลือของเราเพื่อช่วยให้ผู้ขายสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ”
เฟดเอ็กซ์มุ่งมั่นสนับสนุนให้ธุรกิจขนาดเล็กใช้ประโยชน์จากการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และเมื่อไม่นานมานี้ เฟดเอ็กซ์ได้เพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งข้ามพรมแดนเพื่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซด้วยการเปิดตัว FedEx(R) International Connect Plus (FICP) บริการใหม่ของ FedEx Express International ในการขนส่งพัสดุสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามประเทศ ในแบบระบุวันได้ โดยบริการใหม่จะเป็นทางเลือกบริการในราคาที่เหมาะสมและรวดเร็วในการจัดส่งพัสดุข้ามพรมแดน6
