บีเอสฯเดินเครื่องธุรกิจแบบกระจายความเสี่ยงก้าวข้ามเศรษฐกิจปี 66ที่ยังชะลอตัว กางแผนพัฒนาแพลตฟอร์ม-แอปพลิเคชั่นกลางขนส่งสู่การยกระดับการให้บริการสู้ศึกตลาดออนไลน์ปี 67 พร้อมขยายการให้บริการทางรางลงนามเป็น Vender ให้กับการรถไฟฯ ปักหมุดเปิดให้บริการขนส่ง 2 เส้นทางทั้งใน-ต่างประเทศหวังเพิ่มทางเลือกลดต้นทุนขนส่งให้กับลูกค้า
ดร.ชุมพล สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีเอส เอ็กซ์เพรส 2020 จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมผลประกอบการปี66ว่าปีนี้ถือเป็นปีที่เหนื่อยสำหรับภาคธุรกิจขนส่ง ด้วยปัจจัยภายนอกทั้งจากภาวะสงคราม การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐ อีกทั้งปัจจัยภายในอย่างภาคธุรกิจท่องเที่ยวไทยไม่ได้ฟื้นตัวตามเป้า ส่งผลกระทบกดภาพรวมเศรษฐกิจไทยชะลอตัว เมื่อสภาพเศรษฐกิจไม่ถึงกับคึกคักย่อมมีผลต่อธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์ไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ส่วนภาพรวมบีเอสฯปีนี้จากการที่เราขับเคลื่อนธุรกิจแบบกระจายความเสี่ยงในการให้บริการขนส่งโลจิสติกส์ที่หลากหลายก็ยังพอประคับประคองตัวไปได้ บางส่วนธุรกิจอาจทรงตัวบ้าง บางส่วนก็อาจมีอัตราการเติบโตบ้าง ทำให้แผนงานธุรกิจเราทั้งปีพอที่จะเติบโตไปได้บ้าง”
ดร.ชุมพล ระบุเพิ่มเติมว่าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัดก็คืออีคอมเมิร์ซจากเหตุปัจจัยโควิดเริ่มซาลง ทำให้คนเริ่มออกมาจับจ่ายใช้สอยนอกบ้านตามห้างสรรพสินค้าต่างๆมากขึ้น ทำให้การซื้อขายออนไลน์ไม่เติบโตแบบก้าวกระโดดเหมือนช่วงที่โควิดกำลังพีคใหม่ๆ ส่งผลกระทบต่อผู้เล่นรายใหญ่ในสนามแข่งขันที่บางรายถึงกับถอนตัวออกไป และหลายรายเข้าสู่โหมดปรับตัวสู้ด้วยกลยุทธ์ใหม่ๆ กลยุทธ์เดิมที่เคยเปิดหน้าสู้กัน เช่น สงครามราคา เป็นต้นก็ไม่มีให้เห็นกันแล้ว
“สำหรับฟลีทรถบีเอสฯโชคดีที่ปีนี้เราประคับประคองตัวได้ เพราะเราเป็นกลุ่มลูกค้าเฉพาะ ผลกระทบเลยไม่รุนแรงเหมือนตลาดใหญ่ ส่วนฟลีทรถร้านค้าส่งค้าปลีกกลับฟื้นตัวยิ่งขึ้นสอดรับพฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มเข้าห้างสรรพสินค้าจับจ่ายใช้สอย ส่วนพืชผลเกษตรค่อนข้างทรงตัวเพราะด้วยส่งออกไทยไม่ค่อยดีนัก ส่วนฟลีทรถงานอุตสาหกรรมก็ทรงตัวตามภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว”
ส่วนแผนสู้ศึกปีหน้านั้น ดร.ชุมพล เผยว่าปีหน้าตลาดเดิมของเราที่เป็นออฟไลน์ เช่น ร้านค้าส่งค้าปลีก พืชผลการเกษตร เป็นต้น เรายังไม่เห็นทิศทางการเติบโตแบบก้าวกระโดดด้วยช่องทางใหม่ แต่สำหรับตลาดออนไลน์ในปีหน้าเราจะขยับจากออฟไลน์มาทำออนไลน์มากขึ้น โดยเราจะลุยพัฒนาแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชั่นกลางการขนส่ง ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นศูนย์กลางการจัดจ้างการขนส่งทั้งผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการแบบครบวงจร พร้อมขยายธุรกิจจากเดิมที่เป็นเครือข่ายพันธิมิตรภายใต้ฐานกลุ่มกองรถที่อยู่กับเราจำนวนมากสู่การยกระดับการให้บริการ พร้อมเปิดกว้างให้กับเครือข่ายพันธมิตรขนส่งรายใหม่เข้ามาร่วมตลาดออนไลน์ในส่วนแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชั่นนี้ ซึ่งขณะที่อยู่ในขั้นตอนการเตรียมการคาดว่าจะใช้การได้เต็มรูปแบบภายในกลางปีหน้า
“ตัวแทน DROP POINT สาขาต่างๆของเราที่แต่เดิมรับงานขนส่งให้กับเราค่อนข้างจำกัดผ่านเครือข่ายพันธมิตรที่เรามี แต่หลังจากที่เรามีแพลตฟอร์มและแอปฯแล้วก็จะส่งผลดีให้ DROP POINT สาขาต่างๆสามารถรับงานขนส่งให้กับทุกค่ายทุกแบรนด์ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับธุรกิจเราตั้งต้นเอาไว้ว่าต้องการให้ทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า เราไม่ได้ตีกรอบว่าต้องเลือกบีเอสฯอย่างเดียว และที่สำคัญจะเป็นการเปิดกว้างกับการขยายตัวแทน DROP POINT ต่างๆเข้ามาร่วมกับเรามากยิ่งขึ้นอีกด้วย”
ดร.ชุมพล ย้ำปิดท้ายว่านอกจากนี้ทางเรายังได้ทำข้อตกลงการเป็น VENDER กับการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย ทำให้เราสามารถให้บริการขนส่งทางรถไฟได้ ซึ่งมี 2 เส้นทางหลัก อย่างแรกคือเส้นทางภายในประเทศที่สามารถเริ่มได้เลย ส่วนเส้นทางที่ 2 เส้นทางต่างประเทศที่เชื่อมไทย-ลาว-จีน ซึ่งเป็นการผนึกความร่วมมือระหว่างบีเอสฯกับทางชมรมผู้ประกอบการราง-รถ-เรือ-อากาศ เส้นทางนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษารายละเอียดต่างๆคาดว่าจะมีการลงนามในข้อตกลงกับการรถไฟฯภายในเดือนมกราคม 2567 หลังจากนั้นจะทำการทดลองวิ่งเพื่อสำรวจต้นทุนราคาและปัญหาอุปสรรคต่างๆในระยะต่อไป