แน่นอนแล้วว่า 13 เม.ย.65 วันเถลิงศกปีใหม่แบบไทยๆปีนี้ประชาชนคนไทยได้สาดน้ำสาดความสุขให้ชุ่มโชกสุขบนเทศกาลสงกรานต์หลังซดแห้วมา 2 ปีซ้อนจากสถานการณ์ไวรัสมหาประลัยโควิด-19 ซึ่งปีนี้ภาครัฐไฟเขียวให้เล่นน้ำสาดน้ำได้ ทว่า ห้ามประแป้ง ปาร์ตี้โฟม และจำหน่าย-บริโภคแอลกอฮอล์ในพื้นที่จัดงาน
ถึงกระนั้น 13 เม.ย.ที่จะถึงนี้ที่แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งสำหรับเจ้าของรถโดยเฉพาะผู้ใช้รถเครื่องยนต์ดีเซลเก่าไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถบรรทุก/รถโดยสาร/รถกระบะทั้งหลายแหล่เตรียมตัวสำลักควันแน่ๆเน้นๆกับเกณฑ์ค่าควันดำใหม่ที่จะมีผลบังคับสาดใช้ตรงกับวันเถลิงศกปีใหม่แบบไทยๆ 13 เม.ย.นี้แน่นอนตามด่านตรวจวัดควันดำทั่วประเทศ
ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ ได้ออกประกาศกำหนดมาตรฐานค่าควันดำใหม่ที่มีความเข้มงวดขึ้นและกำหนดให้มีการปล่อยควันดำได้น้อยลง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมมลพิษแก้ไขปัญหา PM 2.5 จากแหล่งกำเนิดมลพิษประเภทรถยนต์ และสอดคล้องกับการดำเนินงานภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง
โดยกำหนดวัดค่าควันดำด้วยเครื่องวัดควันดำระบบวัดความทึบแสงขณะเครื่องยนต์ไม่มีภาระ ค่าควันดำสูงสุดไม่เกินร้อยละ 30 จากเดิมร้อยละ 45 และหากทำการตรวจวัดควันดำด้วยระบบกระดาษกรองขณะเครื่องยนต์ไม่มีภาระ ค่าควันดำสูงสุดไม่เกินร้อยละ 40 จากเดิมร้อยละ 50
ขณะที่กรมการขนส่งทางบกก็ออกโรงรับลูกการบังคับใช้กฎหมายให้สอดรับกับการปรับเกณฑ์มาตรฐานการตรวจวัดค่าควันดำจากท่อไอเสียของรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกและกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ให้สอดรับมาตรฐานเดียวกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยจะใช้เกณฑ์มาตรฐานค่าควันดำใหม่นี้นำมาใช้กับการตรวจควันดำทั้งการตรวจสภาพรถ ณ สำนักงานขนส่งทั่วประเทศ สถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.)และการตรวจควันดำบนถนนสายหลักและสายรองทั่วประเทศ
ทว่า ก่อนเกณฑ์ค่าควันดำใหม่จะมีผลตามกฎหมายในวันที่ 13 เม.ย.ที่จะถึงนี้ กรมขนส่งฯได้เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและผู้ประกอบการขนส่งเร่งตรวจเช็กสภาพรถของตนเองไม่ให้มีการปล่อยควันดำ ส่วนกรณีรถที่มีการปล่อยควันดำ ขอให้ดำเนินการแก้ไขและเพิ่มความเข้มงวดในการบำรุงรักษาเครื่องยนต์และระบบการทำงานต่างๆ เพื่อลดการปล่อยควันดำที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์อันเป็นสาเหตุหนึ่งปัญหา PM 2.5
ระหว่างนี้ประชาชนและผู้ประกอบการขนส่ง ที่ต้องการตรวจสอบค่าควันดำรถของตนเองว่าอยู่ในเกณฑ์ใหม่ที่กำหนดหรือไม่ สามารถนำรถเข้ารับบริการได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ย้ัำ!ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ณ สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 สำนักงานขนส่งจังหวัด สำนักงานขนส่งสาขา และสถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) ทั่วประเทศ
ทว่า หากถึงวันบังคับใช้ 13 เม.ย.นี้เป็นต้นไปเมื่อถูกตรวจพบค่าควันดำเกินกำหนดจะลงโทษเปรียบเทียบปรับสถานหนัก คือปรับถึง 5,000 บาท และสั่งห้ามใช้รถทันทีด้วยการพ่นข้อความ“ห้ามใช้”โดยเจ้าของรถต้องนำรถไปแก้ไขและนำมาตรวจสภาพอีกครั้งจนผ่านการตรวจวัดจึงจะนำไปใช้งานได้
ทราบข่าวนี้แล้วพี่น้องสิงห์รถบรรทุกเตรียมตัวให้พรั่งพร้อมเพื่อรับมือกับด่านควันดำที่จะออกมาตั้งบริการสุขภาพทางท่อไอเสียต้อนรับเกณฑ์ใหม่ตามด่านจับ-ปรับควันดำทั่วประเทศ
แม้พอจะเข้าใจได้ถึงความมุ่งหวังจากการปรับเกณฑ์มาตรฐานค่าควันดำให้ลดลงนี้ก็ตาม ทว่า ก็อดไม่ได้ที่จะเข้าใจและนึกถึงหัวอกเจ้าของรถเจ้าของกิจการขนส่งเบี้ยน้อยหอยน้อยทางเลือกไม่เยอะที่ยังต้องพึ่งพาเครื่องมือทำหากินจากรถเก่าเครื่องยนต์ดีเซล และที่สำคัญหากลองพินิจถึงเกณฑ์ความพร้อมจากความเหลื่อมล้ำของผู้ประกอบการ/ต้นทุนจากราคาน้ำมันแพง/คุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง/มาตรฐานค่าครองชีพ/เศรษฐกิจโดยรวมแล้วประมวลผลออกมาดูมันสมดุลหรือยังจาก“เอฟเฟ็กต์”ที่เกิดจากการบังคับใช้เกณฑ์ใหม่นี้?
ที่ประชาชนผู้ถูกบังคับใช้สถานการณ์เช่นนี้ดูเหมือนมันจะหนักหน่วงเกินไปหรือไม่?อย่างไร?
เพราะสุดท้ายแล้วสิงห์รถบรรทุกที่ถูกหมายตาเป็นเป้าแรกก็ไม่ต่างอะไรที่พวงเขาจะกลายเป็นสิงห์ควันดำใน“ร่างแพะ“ที่ภาครัฐถูกจับเชือดสู่พิธีกรรมบวงสรวงการบูชายัญฝุ่นปีศาจร้าย PM2.5 ไปเป็นที่เรียบร้อย ดูมันจะโหดร้ายไปหรือไม่?หากพิจารณาถึงความสมเหตุสมผลที่จะบังคับใช้ทั้งที่บริบทความพรั่งพร้อมประเทศไทยในเวลานี้ยังห่างไกลจาก“จุดสมดุล”
กับการที่จะวิงวอนให้ภาครัฐชะลอการบังคับใช้เกณฑ์ใหม่นี้ออกไปคงไม่ทันการณ์แล้วในเวลานี้ เพราะยังไง 13 เม.ย.นี้ก็ได้ฤกษ์สาดเกณฑ์ใหม่ให้สำลักควันกันถ้วนหน้าตามด่านทั่วประเทศแน่นอน!ลำพังเกณฑ์เดิมไม่เกิน 45 % ยังถูกจับปรับกินตับไตไส้พุงจนร่างกายผ่ายผอมอยู่แล้ว นี่เกณฑ์ใหม่ถูกหั่นเหลือไม่เกิน 30 %
…รับรองเหลือแต่กระดูกเป็นแน่แท้!
:ลมใต้ปีก