ปิดฉากรูดม่านเรียบร้อยโรงเรียนพนัสแบรนด์ดังฝั่งเมืองชลฯไปแล้วสำหรับเวทีประกวดไอเดียกระฉูดแตกด้าน AI อย่างโครงการ Panus Thailand LogTech Award 2020 ปีที่ 4 พร้อมได้เห็นรูปร่างหน้าตาทั้งในมิติกายภาพและมิติไอเดียสร้างสรรค์ของทีมชนะเลิศที่ถูกรีดออกมาสำแดงต่อสายตาคณะกรรมการพร้อมเป็นใบเบิกทางแหกด่าน 140 ทีมลอยลำเข้าสู่รอบสุดท้ายแล้วพุ่งทะยานเข้าเส้นชัยคว้ารางวัลและเกียรติบัตรไปนอนกอด
การจัดเวทีประกวดประชันไอเดียสร้างสรรค์ด้าน AI นี้เผลอแปปเดียวก็ปาเข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว ห้วงเวลามันช่างรผ่านไปไวเหมือนโกหก หากเปรียบเป็นนิสิตนักศึกษาก็ครบถ้วน 4 ปีเต็มที่พรั่งพร้อมด้วยอาวุธทางปัญญาไร้การพิสูจน์แล้วในรั้วมหา’ลัย เสมือนร่างกายและสมองพร้อมแล้วสุดๆกับไล่ล่าความฝันและแรงกระหายพลางปะทะความท้าทายกับใครก็ได้ในโลกกว้าง ถึงเวลาอันเป็นมงคลฤกษ์ที่ต้องกระโดดข้ามรั้วมหา’ลัยออกไปพิสูจน์ตัวตนนอกห้องเรียน
ทว่าโครงการ Panus Thailand LogTech Award โครงการดีมีประโยชน์ต่อการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ด้าน AI ของน้องๆนักศึกษา และบุคคลทั่วไป ได้ใช้เป็นเวทีกลางสำแดงไอเดียสุดบรรเจิดก่อเกิดและส่งต่อการพัฒนาพร้อมขยายผลสู่การใช้งานจริงในสังคมเพื่อประโยชน์ต่อประเทศในอนาคต ที่แม้จะผ่านมา 4 ปีแล้วก็ตาม เจ้าภาพหลักอย่างพนัสฯคงไม่ได้หยุดทิ้งไว้แค่“ตำนาน”แค่นี้ พร้อมรุกคืบความร่วมมือขยายขอบเขตไปไกลยังภูมิภาคอาเซียนในปีต่อๆไป
อย่างที่ทราบกันดีปีนี้หนูไฟบรรลัยกัลป์ 2563นี้มันทวีความรุนแรงและโหดร้ายด้วยฤทธาของเจ้ามฤตยูไวรัสโควิดที่ไล่ขวิดผู้คนในแทบทุกสาขาอาชีพจนง่อยเปลี้ยเสียขาไปหมด หลายกิจกรรมเชื่อมโยงธุรกิจต้องหยุดชะงัก แม้อาจไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใดสำหรับกิจกรรมที่ดีและสร้างสรรค์นี้ก็ตามที กระนั้นแล้ัวทางพนัสฯเองก็ต้องปรับรูปแบบการแข่งขันฉีกไปในรูปแบบ Online Hackathon เพื่อให้สอดรับแนวปฏิบัติ “เว้นระยะห่าง” หรือ Social Distancing ของภาครัฐ และภายใต้คอนเซ็ปต์ปีนี้ที่ว่า “AI for New Normal Economy”
คุณพนัส วัฒนชัย บิ๊กบอสแห่งค่าย Panus หรือ บริษัท พนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด ถึงกับออกปากยอมรับบนโพเดียมตอนกล่าวเปิดพิธีมอบรางวัลว่า“ด้วยผลกระทบไวรัสโควิด-19 ทำให้ปีนี้เป็นปีที่โหดร้ายมีผลต่อการจัดงานและการทำงานต่างๆได้ยาก ทว่า หากมองในมุมกลับกันก็ดีไปอีกอย่าง เพราะทำให้เราได้ปรับตัว แก้ไขปัญหา และเดินหน้าในทุกกิจกรรมให้ทันท่วงทีกับวิกฤติการณ์ครั้งนี้ได้ดี”
ดังฉะนั้น ด้วยฤทธานุภาพอันฉกาจฉกรรจ์เจ้าไวรัสโควิด-19 นำไปสู่การเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขัน Online Hackathon ซึ่งเปลี่ยนแปลงจากครรลองเดิมๆที่เคยย่ำมาในแต่ละปีในแต่รอบการแข่งขันตั้งแต่รอบคัดเลือกจนสู่รอบสุดท้าย ทุกทีมล้วนตื่นเต้นและท้าทายยิ่งนักกับการ Pitching ไอเดีย-ผลงานอันสร้างสรรค์บนเวทีท่ามกลางสายตาที่จดจ้องของคณะกรรมการ และแรงปลุกเร้าของบรรดาดกองเชียร์ให้ฮึกหาญในการแสดงออกถึงฤทธิ์ถึงเดช
ซึ่งบริบทแห่งการปะ ฉะ ดะพลางประจันหน้าไอเดีย-ผลงานกันในรูปแบบออนไลน์แม้มันจะดูอินเทรนด์ตามแรงโน้มถ่วงความร้อนแรงของโลกเทคโนโลยีสุดล้ำในยุคนี้สมัยนี้ก็ตาม ทว่าในมุมกลับดูมันช่าง“ขาดรสชาติ”ไร้แรงปลุกเร้าให้มีสีสันไปยังไงพิกล หากเปรียบเป็นอาหารการกินแล้วล่ะก็ แม้จะได้ชื่อว่าเป็นเมนูอาหารที่ดูภายนอกออกจะดูดีและเริ่ดด้วยการสร้างสรรค์และรังสรรค์ไร้ที่ติ
ทว่า เมื่อได้ลองชิมรสชาติแล้วดูมันจะออก “จืดชืดสิ้นดี”จริงมั้ยค่ะคุณพี่?
หากจะไปว่าแล้วก็ไม่ต่างอะไรการแข่งฟุตบอลในลึกดังในต่างประเทศ ภาพที่เราคุ้นตาทุกสนามแข่งขันล้วนแล้วแออัดยัดเยียดด้วยกองเชียร์ที่แห่แหนเข้าไปชมพลางออกปากตะโกนเชียร์ดังกึกก้องจนแทบปากจะฉีกไปถึงรูหูแล้ว เพื่อเป็นการปลุกเร้าและให้กำลังใจทีมที่ตัวเองรักชนิดสุดลิ่มทิ่มประตู เสมือนเป็นนักเตะคนที่ 12 อะไรเทือกนั้น
ทว่า ยามนี้ยามที่เจ้าไวรัสยังไม่ยอมโบกมือลาโลกมนุษย์ไปไหน แอ่งกระทะยักษ์สโมสรฟุตบอลลีกดังโลกในแต่ละสนามแข่งขันไร้ซึ่งผู้ชมและกองเชียร์ กระทืบให้บรรยากาศทั่วสนามมันเงียบวังเวงวิเวกยังไงชอบ แม้เกมการแข่งขันจำเป็นต้องแข่งผู้เล่นจำใจเล่นที่แม้ลึกสุดใจของนักเตะแข้งทองทั้งหลายดูจะหดหู่ใจและไร้แรงบันดาลใจไร้เสียงเชียร์กระหึ่มทั่วสนามเพื่อปลุกเร้าให้บรรดาพ่อค้าแข้งได้ร่ายมนต์เพลงแข้งบนฟลอร์หญ้าให้มันสะเด่วไปเลยคุณพี่ค่ะคุณพี่ขา!
ฉะนั้น&ฉะนี้ นั่นก็เป็นวิถีแห่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั่วโลกแล้วมนุษย์ต้องเรียนรู้ ร่วมมือแก้ไขปัญหา และปรับตัวให้ทันต่อวิกฤติการณ์ อะไรยังงั้นฉันใดก็ฉันเพลแหล่ะคุณโยม!
ต้องบอกว่าโครงการ Panus LogTech ปี 4 แม้จะเกี่ยวก้อยพาร์ทเนอร์หลายภาคส่วน ถึงกระนั้น ทางพนัสฯถือเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันลุยตะบันงานเองตั้งแต่ต้นจนจบครบถ้วนกระบวนความโดยไม่ต้องจ้างเอเจนซี่เหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่า“เวทีนี้ไม่มี…พี่เลี้ยง”ในการรันงานรันคิวรันเวทงเวที ทั้งหมดทีมพนัสจัดเองจบเองแบบ One stop service เจ้าค่ะ
งานจบและลุล่วงไปได้ด้วยดีนอกเหนือจากบิ๊“คุณพนัส วัฒนชัย”ที่ต้องยกเครดิตให้ไปเต็มเปาในฐานะบิ๊กบอสแห่งค่ายพนัสแล้ว หากไม่เอ่ยถึง“คุณพี่หนุ่ย-ณัชชา วงศ์คำภู”หญิงเหล็กหัวหน้าฝ่ายขายและการตลาดแห่งค่ายพนัสเห็นทีจะไม่โสภาสถาพรเท่าไหร่นัก ที่งานนี้เธอลุยเองกับมือค่ะท่านเจ้าคุณ ไม่หน่ำใจแค่นั้นยังขนอุปกรณ์และพ่วงด้วยลูกทีมจากโรงเรียนลูกกรอกคะนองนามาเต็มรถเทรลเลอร์ เพื่อให้งานนี้ออกมาดูดีและสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
หากจะบอกว่าเธอและลูกทีมจากโรงเรียนลูกกรอกคะนองนา คือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จงานนี้ดูเป็นการยอที่ไม่ไกลปืนที่ยงความเป็นจริงเท่าไหร่นัก!
ไอ้กระผมในฐานะสื่อมวลชนที่เคยหลงระเริงในป่าดงดิบสิบล้อเมืองไทยมานานหลายปี ได้รับเกียรติถูกเชื้อเชิญให้มาร่วมเป็นสักขีพยานปากเอกพร้อมติดขอบเวทีมอบรางวัลและเกียรติบัตรให้กับทีมผู้พิชิตชัยในครั้งนี้ ต้องปรบมือรัวๆให้กับท่านเจ้าภาพหลักอย่างบริษัทพนัสฯ ผู้บริหารระดับสูง พนักงาน รวมถึงพาร์ทเนอร์อื่นๆที่ได้เสียสละแรงกาย แรงทรัพย์ และแรงมันสมองที่มีส่วนช่วยผลักดันโครงการดีๆนี้ประสบความสำเร็จไปอีกหนึ่งปี
ว่าก็ว่าเหอะเวทีนี้แม้ดูจะมีสาระประโยชน์โคตรๆก็ตาม ทว่า ก็ยังไร้การเหลียวแลและให้ความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐที่น่าจะมีมากกว่านี้ ก็อย่างว่าล่ะเนอะเวทีนี้มันไม่เหมือนเวทีปาหี่การเมืองที่เมลืองเรืองรองด้วยผลประโยชน์ทับซ้อนซ่อนเงื่อน หรือแม้แต่กระทั่งละครน้ำเน่าหลังข่าวที่ดูฉาวโฉ่พลางชิงรักหักสวาทตบตีแย่งผัว-เมียกันยุ่งเหยิงไปหมด อะไรเทือกนั้น Oops Oops Oops!
แปรงร่างเป็นเสือเผ่นล่ะครับเดี๋ยวงานเข้า เบาได้เบา!…ปีหน้าปะหน้ากันใหม่ในบรรยากาศน่าจะสดใส&เบิกบานตะไทกว่าปีนี้(หวังว่านะจ๊ะ)
:วิหคไพร