กลายเป็นประเด็นร้อนที่สังคมโหมวิจารณ์หนักต่อนโยบายการใช้ยางพาราในงานความปลอดภัยทางแบริเออร์และเสาหลักนำทางยางพาราถนนภายใต้ไอเดียสุดบรรเจิดของเสนาบดีคมนาคม“ศักดิ์สยาม ชิดชอบ”โดยจะเทงบประมาณผูกมัด 3ปีรวมกว่า 8.5 หมื่นล้านบาท ย่อยเป็นของกรมทางหลวง(ทล.) กว่า 7.7หมื่นล้านบาท และกรมทางหลวงชนบท (ทช.)อีกกว่า 8 พันล้านบาท
พุ่งชนเป้าหมายลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ ลดความสูญเสียชีวิต-ทรัพย์สินของประชาชนผู้สัญจรบนทางหลวง และผลักดันการใช้ยางพาราภายในประเทศในหน่วยงานภาครัฐเพิ่มมากขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และเพิ่มเม็ดเงินให้พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
ด้วยเม็ดเงินมหาศาลกว่า 8.5 หมื่นล้านผูกพันงบประมาณแผ่นดิน 3 ปีรวด และยังพันเกี่ยวเลี้ยวลดกับหลายหน่วยงาน ไม่แปลกประหลาดอะไรที่สังคมจะพากันกังขากับโครงการสวยหรูดังกล่าวจะโปร่งใสหรือไม่? จะเกิดมหกรรมโกงกินจากมือที่มองไม่เห็นเขมือบค่าหัวคิดตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำเหมือนอย่างโครงการในอดีตหรือไม่? คุ้มค่าได้มาตรฐานกับงบประมาณที่ทุ่มลงไปหรือไม่?
ที่เคลือบแคลงให้จงหนักที่อ้างกันนักหนาเป็นการเพิ่มเม็ดเงินให้พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น เอาเข้าจริงแล้วเม็ดเงินหรือเรียลประโยชน์จะตกถึงท้องพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางจริงๆจะเหลือสักกี่บาทกันแน่? หรือจะไหลเข้ากระเป๋าพวกพ่อค้าคนกลางหรือนายหน้าหน้าเงินเล่ห์เหลี่ยมจัดอะไรพันธุ์นั้น?
เรื่องร้อนนี้เจ้ากระทรวงหูกวาง “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ”ไม่รอช้าให้ข้อกังขาสังคมถูกลากโยงไปไหนต่อไหน ออกโรงให้ไขกระจ่างกับข้อกังขาสังคมเองเลยจ๊ะญาติโยม!
ซื้อตรงจากสหกรณ์ฯ ไม่ผ่านนายหน้าคนกลาง
รมว.คมนาคม บอกวันนี้ (26 พ.ค.) กระทรวงฯเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบให้ใช้วิธีการจัดซื้อแบริเออร์หุ้มยางพารา (Rubber Fender Barriers)โดยวิธีเฉพาะเจาะจงเพื่อให้กรมบัญชีกลางบรรจุลงรายละเอียดต่อไป รวมถึงพิจารณา (ร่าง) ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างกระทรวงคมนาคมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำหนดให้เกษตรกรเป็นผู้จำหน่ายและผลิตโดยตรงให้กับกรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) โดยไม่ผ่านบริษัทอื่นๆ หรือนายหน้าใดๆทั้งสิ้น
เบื้องต้นมีชุมนุมสหกรณ์ผู้ผลิตยางพารา 8 แห่งที่มีความพร้อมดำเนินการและจะขยายไปยังสหกรณ์อื่นๆ ทั่วประเทศเมื่อ ครม. เห็นชอบแล้วจะเปิดให้สหกรณ์ทั่วประเทศเข้าสู่การเปิดประกวดราคาได้ เพื่อทำสัญญาซื้อตรงกับสหกรณ์ทันที ยืนยันขั้นตอนการดำเนินการต่างๆ“โปร่งใส” และยืนยันด้วยว่าไม่รื้อเกาะกลางและเสาหลักของเดิมแน่นอนจะใช้กับโครงการใหม่เท่านั้น
ได้มาตรฐานสากลโลกด้านความปลอดภัย
เจ้ากระทรวงหูกวาง บอกอีกว่าโครงการดังกล่าวเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง เพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน เนื่องจากแบริเออร์หุ้มยางพาราผ่านการทดสอบมาแล้วจากทั้งในประเทศและประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นสถาบันระดับโลกที่มีมาตรฐานด้านความปลอดภัย
เอ๊ะ…เดี๋ยวก่อนนะครับท่าน!เห็นท่านสาธยายแต่แบริเออร์หุ้มยางอย่างเดียว แล้วไอ้เสาหลักนำทางยางพาราที่อวดอ้างสรรพคุณหนักหนาว่าลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ ลดความสูญเสียชีวิต-ทรัพย์สินของประชาชนผู้สัญจรบนทางหลวง เสาหลักที่ว่านี้ได้มีการทดสอบหรือวิจัยการทดลองแล้วหรือยัง?…ชาวบ้านฝากถามว่าเจ้าค่ะ?
งบประมาณคุ้มค่า เงินถึงมือพี่น้องสวนยาง 70 %
ส่วนประเด็นข้อสงสัยการใช้งบประมาณคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุดแค่ไหน? เงินจะตกถึงท้องเกษตรกรสักกี่บาทเชียว? ท่านรมต.จอมไอเดียกระฉูกแตก ยืนยันการดำเนินงานโครงการดังกล่าวมีประสิทธิภาพการใช้งบประมาณให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
เนื่องจากวิธีดำเนินการในอดีตหากใช้งบประมาณ 100 บาท เงินถึงมือเกษตรกรเพียง 5.1 บาท หรือ 5.1% เท่านั้น แต่วิธีที่กระทรวงคมนาคมดำเนินการ หากใช้งบประมาณ 100 บาท เงินจะถึงมือเกษตรกรชาวสวนยางประมาณ 70 บาทขึ้นไป หรือ 70%
โอ้ววว!เห็นตัวเลขที่ท่านรมต.หยิบยกมาเปรียบเทียบกับวิธีดำเนินการในรอยอดีตหากมีการใช้งบประมาณ 100 บาทกับโครงการต่างๆ เงินจะตกถึงมือพี่น้องเกษตรกรเพียงแค่ 5.1 บาทเท่านั้น น่าสงสัยหรือไม่ครับว่าแล้วอีก 95 บาทล่ะมันหายไปเข้ากระเป๋าใครมั่ง?สะท้อนชัดว่าบ้านเมืองเราถูกใครต่อใครสูบกินเงินงบประมาณแผ่นดินสนุกสนานเถิดเทิงแค่ไหนแล้ว?
อนิจจา!ประเทศชาติย่อยยับและสูญเสียงบประมาณไปมากต่อมากเท่าไหร่แล้ว?…คิดตรองดูล่ะกันครับพี่น้อง!
หากทำได้! สถิติเกิดอุบัติเหตุไทยติดอันดับโลกหายไปเลย
รมต.คมนาคม ย้ำอีกว่าจะนำร่องติดตั้งในจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยๆก่อนเพื่อเก็บสถิติอุบัติเหตุว่าสามารถลดลงหรือเมื่อเวลาเกิดอุบัติเหตุแล้วไม่รุนแรงได้หรือไม่ โดยจากผลการศึกษาที่ผ่านมาพบว่าสถิติเรื่องอุบัติเหตุลดลงเมื่อมีการชนแล้วแบริเออร์หุ้มยางพาราไม่แตก พร้อมมีแรงเหวี่ยงช่วยให้รถไม่พลิกคว่ำ รวมทั้งรถคันหลังที่วิ่งตามมาจะไม่ชนแรงด้วย หากทำได้จริงจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ปัจจุบันไทยมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุอยู่อันดับ 9 ของโลกอาจจะทำให้สถิติของไทยหายไปเลย
แหม่ะ!เห็นข้อชี้แจงแถลงไขข้อกังขาสังคมแล้วก็น่าทึ่งและสุดสะพรึงในรายละเอียดยิ่งนัก เหนือเหตุผลและความเข้าใจใดๆจากนี้ไป…ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ&มุมมองอันหลากหลายของพี่น้องประชาชนล่ะกันจะแตกพานไปในแง่มุมไหน?
ส่วนอาตมานั้นไซร้ ขอเว้นระยะห่างทางความคิดเห็นล่ะกัน เพราะ…สุดจะเคร่งในอุเบกขาบารมีจร้า!
:วิหคไพร