ช ทวีฯ เดินหน้าทำตามทีโออาร์ ขสมก. ส่งทีมช่างไปประจำอู่รถเมล์เพื่อดูแลหากรถเมล์เกิดปัญหา แม้จะยังไม่ได้เงินค่าจัดซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 100 คัน จาก ขสมก. ก็ตาม ส่งผลให้เงินทุนจมกว่า 1,000 ล้านบาท ไม่หวั่นปัญหาเพราะได้เตรียมแผนแก้ไขไว้แล้ว พร้อมแนะ ขสมก. ควรประกอบรถเมล์ในประเทศเอง เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศให้ดีขึ้น
คุณสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่โดนมรสุมเรื่องการจัดซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 100 คัน ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. ที่ได้ทำการส่งมอบล็อตแรกไปตั้งแต่เดือนมีนาคม 2561 ที่ผ่านมา หลังจากนั้น ทาง ขสมก. ได้ถูกศาลปกครองสั่งยุติรับมอบรถเมล์ NGV เนื่องจากคู่กรณีการะประมูลครั้งที่ผ่านมาได้ทำเรื่องยื่นต่อศาล ส่งผลให้ทางบริษัทฯ ยังไม่ได้รับเงินค่าจัดซื้อรถเมล์ NGV เลย และทำให้ทางบริษัทฯ มีเงินทุนจมอยู่ตรงนี้จำนวนกว่า 1,000 ล้านบาททีเดียว
สำหรับเงินทุนที่จมอยู่นี้ มีทั้งค่าจัดซื้อรถโดยสารที่ได้จ่ายไปก่อน ค่าอะไหล่ที่ต้องเตรียมสต็อกไว้เพื่อซ่อมบำรุง รวมถึงต้องมีช่างซ่อมรถประจำอยู่ที่อู่รถเมล์ เพื่อดูแลและแก้ปัญหาหากรถเมล์ NGV มีเหตุขัดข้องขึ้น ซึ่งต้องทำตามทีโออาร์ที่ทาง ขสมก. กำหนดไว้ทุกอย่าง ส่วนรถเมล์ NGV ที่เหลือค้างส่งอีกจำนวน 389 คันนั้น ทางบริษัทฯ ก็พร้อมที่จะส่งมอบให้กับทาง ขสมก. ในทันที หากเรื่องฟ้องร้องระหว่างขสมก.กับคู่กรณีจบลงได้ด้วยดี
“ในวันที่เซ็นสัญญาทำทีโออาร์กับทาง ขสมก. ที่กระทรวงคมนาคม ผมได้ประกาศว่า ในการส่งมอบรถเมล์ NGV นี้ ก็เพื่อที่จะพัฒนาการขนส่งมวลชนสาธารณะในประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้าขึ้น ด้วยความที่เป็นคนไทยมีความรักในประเทศ ต้องการที่จะทำให้ธุรกิจของเมืองไทยดีเทียบเท่ากับต่างประเทศ ไม่เหมือนกับชาวต่างชาติที่ต้องการหาผลประโยชน์เข้าตัวเพียงอย่างเดียว”
นอกจากนี้ ทาง ขสมก. ยังมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนรถเมล์คันใหม่มาแทนรถเมล์คันเก่าที่ใช้งานมานานแล้วเป็นจำนวนมาก จึงต้องการที่จะให้ ขสมก. กำหนดให้ผู้ที่ชนะการประมูลรถเมล์ใหม่ ทำการประกอบรถเมล์ในเมืองไทยแทนที่จะนำเข้ามาจากต่างประเทศ แม้ว่าจะได้เร็วกว่าเป็นเวลาหลายเดือนก็ตาม และด้วยทางบริษัทฯ มีความชำนาญในการประกอบทั้งรถวิ่งในสนามบิน และรถโดยสาร ก็เตรียมที่จะเข้าร่วมประมูลทุกครั้ง เพื่อที่จะได้จัดหารถเมล์ใหม่ให้กับทาง ขสมก. ซึ่งจะมีทั้งประกอบในอู่ของ ช ทวีฯ เอง พร้อมทั้งกระจายงานไปให้อู่อื่น ๆ ร่วมประกอบให้ด้วย ทั้งนี้ เพื่อที่จะได้ให้ทันเวลาตามที่ ขสมก. กำหนด และยังเป็นการกระจายรายได้ให้กับประชาชนทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบรถโดยสาร คนงานประกอบ และธุรกิจที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันด้วย
“สิ่งที่จะเสนอต่อไปนี้ อยากให้ผู้มีอำนาจที่อยู่เบื้องหลังรวมทั้งคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) ขสมก. ได้รับไว้พิจารณาถึงการประกอบรถโดยสารในเมืองไทย ถึงแม้ว่าจะมีราคาแพงกว่านำเข้าจากต่างประเทศประมาณคันละ 400,000 บาท แต่การนำเข้านั้นเศรษฐกิจในประเทศจะไม่ได้อะไรตอบแทนเลย ถ้าหากมาคิดให้ลึกซึ้งว่า การประกอบในประเทศนั้น ผลตอบแทนที่ได้กลับคืนมาจะได้ทั้งประเทศ และประชาชนส่วนใหญ่จะมีฐานะที่ดีขึ้น การเงินคล่องตัว สามารถจับจ่ายได้มากขึ้น เมื่อได้งานประกอบรถโดยสารให้กับ ขสมก. แล้ว ทุกคนก็จะระลึกถึงบุญคุณของ ขสมก. เป็นอย่างมาก เพราะช่วยให้มีงานทำอย่างที่ตั้งใจไว้”