หากโรคอัลไซแมอร์ไม่ลักพาตัวไปเที่ยวปีใหม่แล้วไม่กลับมาอีกเลยคงพอจำกันได้กับปมปัญหาการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ หมายเลข 6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กม.วงเงิน 8.4 หมื่นล้าน ที่เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 59 และมีความคืบหน้างานโยธาเสร็จไปแล้วกว่า 90 % กรุยทางสู่การเปิดให้ประชาชนทดลองวิ่งฉิวปลายปี 65
ทว่า งานงอกระดับพระกาฬก็มาเคาะประตูกรมทางหลวงจนได้เมื่อมีข่าวแพร่สะพัดออกมาว่าบางช่วงการก่อสร้างอาจต้องปรับแบบใหม่กว่า 10 สัญญาเนื่องจากติดปัญหาแนวเส้นทางป่าสงวน เขตท้องที่จ.นครราชสีมาหลังผู้รับเหมาเข้าพื้นที่สำรวจแล้วพบปัญหาและอุปสรรคในพื้นที่ก่อสร้าง จำเป็นต้องมีการปรับแบบใหม่ในหลายสัญญา และสังคมพากันกังวลว่าอาจทำให้การก่อสร้างสะดุดและไทม์ไลน์การเปิดให้บริการล่าช้าออกไปจากกำหนดการเดิมซะแล้ว
การปรับแบบใหม่กว่า 10 สัญญานั้นอาจต้องของบประมาณในก่อสร้างเพิ่มจากเดิม สร้างความไม่พอใจให้กับเจ้ากระทรวงหูกวาง “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ”เป็นอย่างมากจนควันออกหูพลางออกโรงกำชับอธิบดีทล.ให้รีบสะสางปัญหาโดยเร็ว พร้อมกับหล่นวาทะเข้มว่า“ว่าทำไมออกแบบไม่ครบถ้วนและไม่เรียบร้อย ต้องให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนธ.ค.นี้”
พร้อมกับย้ำและขีดเส้นตายไว้ว่า“หากได้ข้อสรุปตอนไหนก่อนถ้าจำเป็นต้องใช้เงินเพิ่มก็ให้รีบจัดทำรายละเอียดเสนอขอใช้งบฯในกรอบวงเงินเดิมที่เหลืออยู่ประมาณ1หมื่นล้านบาท และนำเสนอคณะรัฐมตรี(ครม.)พิจารณาให้แล้วเสร็จและจบเรื่องทั้งหมดให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ เพราะหากไม่จบอธิบดีก็ต้องจบ”
ไม่ยังไม่ทันพ้นเส้นตายที่รมว.คมนาคมสั่งการไว้ ล่าสุด อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) “สราวุธ ทรงศิวิไล”ออกโรงแจงเตรียมเสนอวงเงินจากการปรับ 17 แบบเจ้าปัญหา 6.8 พันล้านเพื่อให้ครม.พิจารณาภายในเดือน ม.ค.64 ยันไม่กระทบต่องบฯโครงการ และพร้อมเปิดบริการให้ประชาชนทดลองวิ่งได้ช่วงปลายปี 65 ตามเป้าหมายเดิมแน่นอน
งอกจนได้!ค่าโง่ 6.8 พันล้าน M6
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า การตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องการปรับแบบ มอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมานี้ ทั้ง17 ตอนจาก 40 ตอนของคณะกรรมการตรวจสอบฯ ที่ทล. ได้เชิญอาจารย์จากสถาบันการศึกษา สภาสภาวิศวกรและวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) มาร่วมตรวจสอบจะได้ข้อสรุปและเสนอนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมพิจารณาภายในกลางเดือน ธ.ค. นี้ ตามกรอบเวลาที่นายศักดิ์สยามให้นโยบายไว้แน่นอน จากนั้นจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เดือน ม.ค.64 เพื่อพิจารณาเพิ่มวงเงินในการปรับแบบ
“เบื้องต้นคาดต้องเสนอขอเพิ่มวงเงินค่าปรับแบบก่อสร้างไม่เกิน 6,800 ล้านบาท แต่จะไม่กระทบต่องบประมาณโครงการเพราะเอกชนยื่นประมูลราคาราว 60,000 ล้านบาทเหลือส่วนต่างราว 10,000 ล้านบาท และการปรับแบบจะไม่กระทบกับจุดที่ก่อสร้างเสร็จและได้ผลงานรวมแล้ว 92% เช่น ช่วงที่เป็นทางยกระดับผ่านเขื่อนลำตะคองประชาชนไม่ต้องกังวลว่าต้องรื้อทุบทิ้งโครงสร้างที่เสร็จแล้ว และเปิดบริการให้ประชาชนทดลองวิ่งมอเตอร์เวย์สายนี้ได้ช่วงปลายปี 65 ตามเป้าหมายเดิม โดยหารือกลุ่มกิจการร่วมค้า BGSR เพื่อยืนราคาดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ออกไปก่อนหากติดปัญหาเรื่องการปรับแบบยังไม่แล้วเสร็จสามารถขยายเวลาการยืนราคาประมูลได้ไม่มีกำหนด”
ถอด 4 ต้นตอปมรื้อ 17 แบบก่อสร้าง
นอกจากนี้ อธิบดีกรมทางหลวง ยังระบุถึง 4 สาเหตุที่ปรับแบบมอเตอร์เวย์สายนี้ว่า 1.โครงการออกแบบไว้ปี 55 ใช้แบบประกวดราคาปี 59 ทำให้สภาพพื้นที่เปลี่ยนไป 2.ตอนออกแบบไม่เจาะสำรวจละเอียดถึงสภาพชั้นหินหรือชั้นดิน เมื่อก่อสร้างสำรวจพบว่าออกแบบไว้เป็นดินถมต้องสร้างเสาเข็ม หรือสร้างโครงสร้างเพิ่ม 3.การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ เช่น สร้างทางขนาน ทางบริการ และทางลอด ตอนออกแบบครั้งแรกไม่ทราบข้อมูลว่าต้องดำเนินการทั้งหมด
และ4.ข้อจำกัดหน่วยงานที่แนวเส้นทางมอเตอร์เวย์ผ่าน เช่น กรมชลประทาน ต้องสร้างสะพานข้ามคลองชลประทานเพิ่ม ตอนออกแบบไว้มีความสูงจากระดับผิวน้ำ 3 เมตร เมื่อลงพื้นที่ก่อสร้างจริงต้องเพิ่มความสูงเป็น 4 เมตร ทั้งนี้ในการเอาผิดผู้เกี่ยวข้องที่ทำงานพลาดหรือไม่นั้นขอให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นก่อน
จากปมร้อนการรื้อ 17 แบบเจ้ากรรมนายเวรก่อสร้างมอเตอร์เวย์ M6นี้ ตามรายงานข่าวสำนักสำรวจและออกแบบทล.ได้ว่าจ้างเอกชน 2 กลุ่มสำรวจและออกแบบก่อสร้างโครงการนี้รวม 70 ล้านบาท คือ 1.กลุ่มบริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์จำกัด บริษัทวิศวกรรมธรณีและฐานราก จำกัด และบริษัท ดาวฤกษ์ คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัดช่วงบางปะอิน-ปากช่อง วงเงิน 35 ล้านบาท และ2.กลุ่มบริษัทเอ็ม เอ เอ คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัทเทสโก จำกัดช่วงปากช่อง-นครราชสีมา วงเงิน 35 ล้านบาท
กับเม็ดเงิน 70 ล้านที่จ้างเอกชนออกแบบถึงเวลานี้ถือว่าเป็นเม็ดเงินตำน้ำพริกละลายแม่น้ำเรียบร้อยโรงเรียนทางหลวง!
ถนนที่สวยสุดในประเทศไทย
ย้อนปูมหลังมอเตอร์เวย์โครงการในฝันเส้นทางสู่ถิ่นที่ราบสูงนึ้ถูกจุดพลุไฟแห่งความหวังให้กับประชาชนหลายล้านชีวิตได้เคลิบเคลิ้มพลางอมยิ้มไว้ล่วงหน้าชื่นตาบานตะไทกับเปิดให้บริการถนนที่สวยที่สุดในประเทศไทยสำหรับทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หรือที่รู้กันจักกันดีในภาษาชาวบ้านเรียกกันติดหูว่า“มอเตอร์เวย์”หมายเลข 6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กม.วงเงิน 8.4 หมื่นล้าน ที่เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 59
และเริ่มเห็นเค้ารางความคืบหน้าด้านโครงสร้างที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและถูกตีแพร่ในทุกทางสื่อแล้วว่าใกล้จะเปิดให้บริการแล้ว แรกเริ่มก่อสร้างก็คาดการณ์จะเปิดให้บริการได้ในปี 63 ต่อมาก็ขยายเป็นปลายปี 64 และล่าสุดขยายเวลาออกไปอีกอย่างเร็วปลายปี 65 หรือต้นปี 66 หรือแม้กระทั่งจะเปิดให้ประชาชนได้ทดลองวิ่งฟรีในบางส่วนที่ก่อสร้างเสร็จแล้วก็ว่ากันไปตามท้องเรื่อง
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นปี (13 ก.พ.63)ครม.ก็ไฟเขียวอัตราค่าธรรมเนียมมอเตอร์เวย์เส้นนี้ไปแล้ว โดยระยะทาง 196 กม. 9 ด่านเก็บค่าธรรมเนียม ค่าธรรมเนียมแรกเข้าสำหรับรถ 4 ล้อ ค่าแรกเข้า 10 บาท และคิดเพิ่ม 1.25 บาท/กม. หากวิ่งฉิวยาวทั้งเส้น ค่าบริการอยู่ที่ 255 บาท รถ 6 ล้อ ค่าแรกเข้า 16 บาท และคิดเพิ่ม 2.00 บาท/กม.วิ่งยาวไปทั้งเส้นทางอยู่ที่ 408 บาท และหนักสุดก็พี่น้องรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป ค่าแรกเข้า 23 บาท และคิดเพิ่ม 2.88 บาท/กม.วิ่งลากยาวควักจ่ายหนักกว่าชาวบ้านที่ 587.48 บาท
ทั้งนี้ หากโครงการนี้แล้วเสร็จและเปิดให้ประชาชนใช้บริการแตะคันเร่งวิ่งฉิวยาวๆก็จะสร้างความสะดวกสบายและปลอดภัย ลดปัญหารถติดสะสมในเส้นมิตรภาพได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะช่วงเทศกาลที่ติดวินาศสันตะโร ว่ากันว่าแต่เดิมจากบางปะอิน-โคราชต้องใช้เวลา 3 ชม.-4 ชม.กว่าจะถึงโคราช ทว่า มอเตอร์เวย์เส้นนี้จะช่วยลดเวลาการเดินทางเหลือแค่ 2 ชม.ครึ่งเท่านั้น
จากปมปัญหาที่เกิดขึ้นทล.เองต้องถอดบทเรียนความผิดพลาดครั้งสำคัญนี้ที่ก่อให้เกิดงานงอก-งบประมาณเพิ่ม-เสียเวลารื้อแบบใหม่ซ้ำซาก ที่สำคัญเงินงบประมาณที่โผล่มากลายเป็นการเสีย “ค่าโง่”โดยใช่เหตุ แม้ทล.จะยกเมฆว่าไม่กระทบงบประมาณของโครงการก็ตาม ทว่าจะตีเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก“ค่าโง่ก้อนโต” ที่ทล.ต้องรับผิดชอบ
แล้วจะจับมือใครดมได้จากค่าโง่สุดคลาสสิคครั้งนี้หรือไม่ อย่างไร? หรือจะ “เงียบกริบ”ไปกับสายลมและแสงแดดโดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต้องดูน้ำยากรมทางหลวงเขาล่ะพระเดชพระคุณท่าน!
:เหยี่ยวทมิฬ