นางสดศรี พงศ์อุทัย รองอธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต กล่าวว่า หลังจากรัฐบาล กำหนดนโยบายให้แก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 – PM 10 เป็นวาระแห่งชาติ หลังจากกรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีรถยนต์ตามอัตราการปล่อย CO2 ตั้งแต่ปี 59 แต่มาตรการดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมถึงปัญหามลพิษจากท่อไอเสียที่ก่อให้เกิดปัญหาฝุ่นควันและมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซล ได้แก่ รถยนต์กระบะ และรถยนต์กระบะ 4 ประตู (Double Cab) เป็นเครื่องอ้างอิงมาตรฐานยูโร 4 เป็นจำนวนมาก หากยกระดับเป็นมาตรฐาน ยูโร 5 (PM ไม่เกิน 0.005) ให้เร็วยิ่งขึ้นจะลดปัญหาฝุ่นละอองได้มากขึ้น
ที่ประชุม ครม. จึงเห็นชอบ ปรับลดอัตราภาษีรถยนต์กระบะและรถยนต์กระบะ 4 ประตู (Double Cab) หากมีค่าฝุ่น PM ไม่เกิน 0.005 กรัมต่อกิโลเมตร หรือการปรับแต่ง เพื่อให้รถกระบะเครื่องยนต์ดีเซลใช้เชื้อเพลิงไบโอดีเซล B20 ด้วยการปรับเปลี่ยน โปรแกรม ระบบท่อไอเสีย ตัวดักจับฝุ่น จะช่วยลดหาปล่อยฝุ่น PM ลดลง ผู้ประกอบการจะได้ปรับลดภาษีร้อยละ 1-2
นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี กรมสรรพสามิต กล่าวว่า ยอมรับว่าค่ายรถยนต์ผลิตรุ่นยูโร 4 ยังไม่มั่นใจต่อการใช้น้ำมัน B20 หากใช้เครื่องเดิมเติม B20 เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อเครื่องยนต์ แต่เมื่อรัฐบาลใช้มาตรการภาษีจูงใจให้ปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ดักจับฝุ่น รองรับการใช้น้ำมัน B20 ได้ ผู้ใช้รถกระบะจะเกิดความมั่นใจมากขึ้น การปรับเปลี่ยนอุปกรณ์จะระบุในคู่มือรถ หากรถกระบะ 4 ประตูราคา 1 ล้านบาท ราคารถใหม่จะลดลง 1 หมื่นบาทต่อคัน เมื่อชาวบ้านใช้ B20 มากขึ้นจะช่วยเหลือชาวสวนปาล์มได้อีกทางหนึ่ง ช่วยลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศ เพิ่มความมั่นคงด้านพลังงาน และส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนจากพืชซึ่งเป็นผลผลิตภายในประเทศ นอกจากนี้กรมการขนส่งทางบกยังพร้อมลดภาษีป้ายทะเบียนประจำปี สำหรับการปรับแต่งเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน B20 เพื่อลดมลภาวะ
“คาดว่าผู้ประกอบการค่ายรถยนต์จะปรับเปลี่ยนอุปกรณ์รถกระบะ และทำตลาดออกมาในช่วงปลายปีนี้ เพื่อร่วมมือกับภาครัฐลดปัญหาฝุ่นละออง ปลายปีนี้จะเห็นรถกระบะเติมน้ำมัน B20 ออกสู่ตลาดได้มากขึ้น ขณะนี้ที่ปั๊มน้ำมันที่เติม B20 ได้ น่าจะรองรับได้เพียงพอ สำหรับค่ายรถยนต์ที่ผลิตรุ่นใหม่มาตรฐานยูโร 5 ปริมาณฝุ่นจะออกสู่บรรยากาศได้น้อยอยู่แล้ว มาตรการดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลให้มีการลดฝุ่น PM ของรถยนต์กระบะและรถยนต์กระบะ 4 ประตู (Double Cab) ที่ชำระภาษีสรรพสามิตในแต่ละปีลดลงประมาณ 76 ล้านกรัมต่อปี ขณะที่ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ทั้งระบบจัดเก็บได้นับแสนล้านบาท จัดเก็บจากรถกระบะ 3-4 หมื่นล้านบาทต่อปี“ นายณัฐกร กล่าว
นายณัฐกร กล่าวว่า การปรับลดอัตราภาษีรถยนต์แบบพลังงานไฟฟ้า (Electric Powered Vehicle) ภายใต้การส่งเสริมของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จากปัจจุบันจัดเก็บภาษีร้อยละ 2 ให้ลดลงเหลืออัตราร้อยละ 0 หรือได้รับการยกเว้น เร่ิมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 จนถึง 31 ธันวาคม 2565 รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 3 ปี แต่หลังจากปีที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 66 จะเก็บภาษีร้อยละ 2 ตามเดิม จากนี้ไปการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น เพื่อช่วยลดมลภาวะ และผู้ประกอบการรายใดที่ได้รับสิทธิ์ประโยชน์จากบีโอไอ ต้องมาลงนามร่วมกับสรรพสามิตเพื่อใช้สิทธิ์การลดภาษีด้วยอีกด้านหนึ่ง เมื่อการใช้รถยนต์มาตรฐานเกรดสูงขึ้น และหันไปใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ปริมาณฝุ่นมลภาวะจะลดลงไปมากขึ้น เป็นผลดีต่อส่วนรวม