นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เยี่ยมชมการปฏิบัติงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทย พร้อมมอบนโยบายการพัฒนาการขนส่งทางน้ำ ชูศักยภาพโลจิสติกส์ไทย
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เยี่ยมชมการปฏิบัติงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) พร้อมมอบนโยบายการพัฒนาการขนส่งทางน้ำให้เร่งจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของกองเรือพาณิชย์ไทย รวมทั้งเร่งพัฒนาโครงการ Landbridge เพื่อเชื่อมต่อการขนส่งระบบอื่นอย่างไร้รอยต่อ และส่งเสริมนโยบายการปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งจากระบบถนนสู่ระบบราง การขนส่งทางลำน้ำและชายฝั่ง (Shift Mode) เพื่อลดต้นทุนการขนส่งและโลจิสติกส์ สนับสนุนการส่งออกและนำเข้า มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค พร้อมด้วย นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมเจ้าท่า และผู้บริหารกระทรวงคมนาคม โดยมี พลเรือเอก โสภณ วัฒนมงคล ประธานกรรมการ กทท. นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. ผู้บริหาร และพนักงาน กทท. ให้การต้อนรับ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2565 ณ อาคารสโมสร กทท.
ผู้อำนวยการ กทท. ได้รายงานสรุปแผนงานและโครงการที่สำคัญของ กทท. ในการมุ่งสู่มาตรฐานท่าเรือชั้นนำระดับโลก พร้อมบูรณาการให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่เป็นเลิศ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ทั้ง 6 ด้าน ประกอบด้วย การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของท่าเรือ การพัฒนาธุรกิจและสินทรัพย์ การพัฒนาระบบบริหารจัดการทางการเงินให้มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐาน การพัฒนาสมรรถนะองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม การพัฒนาสมรรถนะองค์กรด้วยกระบวนงานทรัพยากรบุคคลที่มีประสิทธิภาพ และการพัฒนาองค์กรอย่างมีส่วนร่วมเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการที่สำคัญต่าง ๆ ได้แก่ โครงการพัฒนา ทลฉ. ระยะที่ 3 โครงการพัฒนา ทลฉ. ระยะที่ 3 (ในส่วนของท่าเรือ F) โครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟ (Single Rail Transfer Operator : SRTO) โครงการพัฒนาท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) ที่ ทลฉ. โครงการพัฒนาศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานและการให้บริการของท่าเรือระนอง (ทรน.) โครงการพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) โครงการพัฒนาเส้นทางเชื่อมต่อท่าเรือกรุงเทพและทางพิเศษ สายบางนา – อาจณรงค์ (S1) โครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อการอยู่อาศัยในชุมชนคลองเตย (Smart Community) การพัฒนาการเชื่อมโยง Data Logistic Chain ด้วยระบบ Port Community System การจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติ และการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สำหรับผลการดำเนินงานด้านการเงินในปี 2564 กทท. มีรายได้โดยรวมเฉลี่ย 15,613 ล้านบาท กำไรสุทธิ 6,270 ล้านบาท และค่าใช้จ่าย 9,343 ล้านบาท ซึ่ง กทท. มีรายได้สูงสุดเกี่ยวกับสินค้า ร้อยละ 70.75 รายได้เกี่ยวกับเรือ ร้อยละ 11.91 รายได้เกี่ยวกับค่าเช่าที่ดิน อาคารและคลังสินค้า ร้อยละ 9.54 รายได้เกี่ยวกับบริการ ร้อยละ 2.91 และรายได้อื่น ๆ ร้อยละ 4.98
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ กล่าวว่า ด้วยนโยบายของนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ต้องการพัฒนาโลจิสติกส์ทุกรูปแบบ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศโลจิสติกส์ทางน้ำมีความสำคัญโดยต้องบูรณาการกันระหว่างภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาศักยภาพของการขนส่งสินค้าทางน้ำให้เต็มความสามารถ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมขนส่งของภูมิภาคอาเซียน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน โดยได้มอบนโยบายการดำเนินงานให้กับ กทท. ดังนี้
- เร่งรัดโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) ระยะที่ 3 และการนำระบบท่าเรืออัตโนมัติ (Port Automation) มาใช้ในการปฏิบัติงานและการให้บริการ เพื่อให้เกิดความแน่นอนและแม่นยำในการวางแผน การบรรทุกและการขนถ่ายสินค้า อำนวยความสะดวกในการบริหารพื้นที่หลังท่า และสามารถเชื่อมต่อกับระบบการขนส่งอื่น โดย กทท. ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนดในปี 2568 เพื่อส่งเสริมศักยภาพของ EEC และต้องดำเนินการด้วยความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล
- การจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมและพัฒนากองเรือพาณิชย์ไทย เพิ่มสัดส่วนการขนส่งสินค้าทางน้ำ ลดต้นทุนการขนส่งโลจิสติกส์ สนับสนุนการส่งออกและนำเข้า เพิ่มสัดส่วนการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศโดยกองเรือไทย รวมทั้งลดการขาดดุลบริการด้านค่าระวางเรือ และเสริมศักยภาพการแข่งขันให้กับกองเรือไทย ทั้งนี้ ให้ กทท. บูรณาการร่วมกับกรมเจ้าท่า เพื่อจัดทำสายการเดินเรือแห่งชาติในรูปแบบ Domestic และ International รวมทั้งพิจารณากลยุทธ์ในการพัฒนาท่าเรือเพิ่มในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญในประเทศ เพื่อให้เกิดการเพิ่มสัดส่วนการขนส่งสินค้าทางน้ำ
- เร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ โดยการเบิกจ่ายงบลงทุนของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจไม่น้อยกว่า ร้อยละ 95 ของกรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติเบิกจ่ายลงทุนตามมติคณะรัฐมนตรี โดยดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี หลักธรรมาภิบาล และการคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน
- สนับสนุนการขนส่งสินค้าทางชายฝั่ง เพื่อส่งเสริมนโยบายการปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งจากระบบถนนมาสู่ระบบราง รวมทั้งการขนส่งทางลำน้ำและชายฝั่ง (Shift Mode) เพื่อลดต้นทุนด้านระบบโลจิสติกส์โดยรวมของประเทศ รวมทั้งเป็นการพัฒนาเส้นทางการขนส่งสินค้าทางน้ำในประเทศ
5. เร่งรัดโครงการพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการโลจิสติกส์ ช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ในภาพรวม รวบรวมและกระจายสินค้า เพื่อไปสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค สามารถเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภูมิภาคต่าง ๆ ภายในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งเชื่อมการขนส่งระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนสู่ท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.) และท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงการพัฒนาในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญเพื่อขับเคลื่อนการลดต้นทุนการขนส่งสินค้าของประเทศ
6. พัฒนาโครงการ Landbridge โดยการพัฒนาท่าเรือทั้ง 2 ฝั่งของ Landbridge ให้เชื่อมต่อระบบการขนส่งอื่นอย่างไร้รอยต่อ (Seamless) เพื่อลดเวลาและต้นทุนการขนส่ง เมื่อเทียบกับท่าเรืออื่นในอาเซียน เพื่อดึงดูดให้ผู้ประกอบการจากทั่วโลกหันมาใช้เส้นทาง Landbridge เป็นเส้นทางหลักในการขนส่งสินค้า เชื่อมโยงมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิกแทนเส้นทางการค้าเดิม ทั้งนี้ ให้ กทท. เข้ามาบูรณาการร่วมกับ สนข. จท. ทล. ขบ. และ รฟท. เพื่อให้ความเห็นและมีส่วนร่วมในการพัฒนารูปแบบ การลงทุนและBusiness Model เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มความสะดวก และลดต้นทุนของระบบโลจิสติกส์อย่างเป็นรูปธรรม
7. ปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ต้องดำเนินการให้เป็นระบบ โดยมีการประชุมระดมความคิดเห็นร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง และวางแผนบริหารจัดการทั้งด้าน Demand และ Supply เพื่อลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
8. การบริหารงานของ กทท. ต้องยึดระเบียบ กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี หลักธรรมาภิบาล ความโปร่งใส และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน
9. การพิจารณาศึกษาการปรับรูปแบบโครงสร้างของการบริหาร กทท. ให้ดำเนินการบริหารจัดการที่ทันสมัย ทันต่อเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและความผันผวนของเศรษฐกิจ เพื่อมุ่งเป้าหมายสู่การเป็นองค์กรระดับ world class โดยต้องศึกษาให้รอบด้านและคำนึงถึงผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ทั้งสหภาพแรงงานและภาคเอกชน
10. ให้ความห่วงใยเรื่องการจัดการมาตรการสาธารณสุข เพื่อลดการการแพร่ของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ขอให้ทุกคนช่วย ๆ กันปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
11 . เรื่องการบริหารสินทรัพย์โดยเฉพาะโครงการอสังหาริมทรัพย์ ต้องเน้นการสร้างความเข้าใจกับภาคประชาชน เพื่อให้เห็นถึงประโยชน์ที่ประเทศชาติจะได้รับและพัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุด เน้นการตั้งคณะกรรมการในการศึกษาโดยมีส่วนร่วมจากตัวแทนทุกภาคส่วน เพื่อให้สามารถมองเห็นปัญหา อุปสรรค และโอกาสการพัฒนาให้รอบด้าน
นอกจากนี้ นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบแนวทางการดำเนินงานให้กับ กทท. เพิ่มเติม ได้แก่ การบริหารจัดการท่าเรือที่ประสบภาวะการบริหารที่ขาดทุน เช่น ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนและท่าเรือระนอง ให้กลับมาได้กำไรอีกครั้ง โดยต้องช่วยกันบูรณาการหารือกับภาคเอกชนและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง การส่งเสริมสัดส่วนการขนส่งสินค้าทางรางจาก ทลฉ. เข้าสู่กรุงเทพมหานคร เพื่อลดปัญหาจราจร และลดต้นทุนการขนส่งสินค้า และได้เร่งรัดให้ กทท. ดำเนินการโครงการ Smart Community ให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงาน สำหรับนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ได้มอบแนวทางเพิ่มเติมในเรื่องการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติโดยต้องบูรณาการร่วมกับ รัฐวิสากิจอื่น ๆ ที่สนับสนุนเกื้อกูลกัน เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อพัฒนาให้เกิดการ Shift Mode ของการขนส่งสินค้า รวมทั้งการบริหารทรัพย์สินทางด้านอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อภาครัฐให้มากที่สุด