ไม่ทราบจะไหลเข้าทำนองที่ว่า“ความวัวไม่ทันจะหาย ความควายก็เข้ามาแทรก”หรือไม่?สำหรับแวดวงท็อปบู๊ทกับปมร้อนฉ่ากินพื้นที่ทุกช่องทางโลกข่าวสารกรณีกองทัพเรือทุ่มงบประมาณแผ่นดินมหาศาล 2.25 หมื่นล้านจัดหนักจัดเต็มอัตราศึกซื้อเรือดำน้ำจากจีนเข้าฐานบัญชาการน่านน้ำไทย
ที่เวลานี้ถูกกระชากลากถูกกลายเป็นปมร้อนทางการเมืองโต้วาทะเดือดกับกองทัพเรือกระทบชิ่งเสถียรภาพรัฐบาลไทยสั่นคลอน พร้อมกับกระแสคลื่นสังคมทิ้งทุ้นคำถามตูมตามซัดน่านน้ำไทยกระเพื่อมว่าห้วงเวลานี้เหมาะ-จำเป็นต้องซื้อหรือไม่?กับการทุ่มเม็ดเงินกว่า 2.25 หมื่นล้านบาทได้เรือลำน้ำ 3 ลำแลกมากับ “ความมั่นคง-ยุทธศาสตร์ทางทะเล”พร้อมปกป้องอธิปไตยน่านน้ำไทยอะไรเทือกนั้น
ขณะที่ประชาชนคนไทยกำลังอดยากปากแห้งพลางหายใจพะงาบๆเพราะเผชิญพิษเศรษฐกิจดิ่งเหวพร้อมเปลวเพลิงจากมหาประลัยโควิด-19 ดาหน้าถั่งโถมใส่วงล้อธุรกิจไทย…จนแทบจะไหม้เกรียมกันทุกหย่อมหญ้า ท้ายที่สุดแล้วกองทัพเรือ-รัฐบาลจะเดินเครื่องฝ่ากระแสคลื่นจากแรงต้านสังคมเต็มสูบ หรือจะยอมผ่อนแรงแล้วหักหัวเรือกลับเข้าอ่าวไทยหลบแรงต้านเป็นการชั่วคราว…ต้องจับตาดู!
ฟากกองทัพไทยก็แรงไม่แพ้กัน เพราะล่าสุดเตรียมจัดซื้อครุภัณฑ์ครั้งใหญ่เป็นรถบรรทุกทางการทหารจากแดนภารตะกว่า 600 คัน!
ตามรายงานข่าว (26 ส.ค.63) สำนักข่าวดังอินเดียไทมส์ ระบุว่านายชุตินทร คงศักดิ์ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงนิวเดลีของอินเดีย โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า“กองทัพไทยกำลังดำเนินการจัดซื้อรถบรรทุกทหาร TATA LPTA กว่า 600 คัน…ทนทานและดูแลรักษาง่าย เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การใช้งานและรับใช้ชาติ”
ซึ่งข้อตกลงการจัดซื้อดังกล่าวของไทยนี้ เป็นการสนับสนุนความริเริ่ม อัตมานิรภาร์ ภารัต (Atmanirbhar Bharat) ของอินเดีย ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมที เพื่อผลักดันให้อินเดียกลายเป็นชาติพึ่งพาตนเอง
พลันสิ้นสุดการแปลตัวอักษรตัวสุดท้ายจากทวิตเตอร์ดังกล่าว ทำเอาผู้คลุกคลีตีโมงในป่าดงดิบรถบรรททุกพ่วงด้วยพลเมืองโซเซียลแห่ตั้งข้อสงสัยไหทองครับล่ะครับว่าทำไม๊ทำไม?กองทัพไทยต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปซื้อรถบรรทุกทหารยี่ห้อ TATA ไกลถึงแดนพุทธภูมิ ออเดอร์ไม่ใช่ 10 คัน 20 คันเชียวนะท่านเจ้าคุณ นี่มันระดับมหาบิ๊กล็อตกว่า 600 คัน
สมมติฐานนะครับว่าคิดราคาเบาได้เบา (ราคาจริงอาจสูงกว่านี้)คันละ 3 ล้านคูณ 600 คันก็ปาเข้า 1,800 ล้านบาทแล้ว..น่ะจ๊ะๆๆ!
แล้วทำไม???กองทัพไทยไม่ชายตามองรถบรรทุกยี่ห้อญี่ปุนที่มีโรงงานผลิต-ประกอบในไทยบ้างล่ะ ซื้อหัวรถ-แชสซีส์แล้วให้ผู้ประกอบการพันธุ์ไทยที่เป็นอู่ประกอบตัวถังผลิต-ประกอบให้เพื่อสร้างงาน-รายได้เม็ดเงินไหลอยู่ในประเทศล่ะ อีกทั้งงานบริการหลังการขาย อะไหล่ การซ่อมบำรุงก็ง่ายและพรั่งพร้อมกว่า รับรองว่าศักยภาพการผลิต-ประกอบของผู้ประกอบการไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกาคือกัน กองทัพไทยพึงประสงค์สเปกไหนกับใช้งานรถบรรทุกทางการทหาร ผู้ประกอบการไทยก็สามารถรังสรรค์ชิ้นงานได้ดั่งใจหวังอยู่แล้ว
ไฉนเล่า?ต้องข้ามมหาสมุทรอินเดียไปซื้อไกลถึงแดนโรตี และชี้เป้าไปเฉพาะยี่ห้อ TATA เท่านั้น!
และมาพีคสุดๆกับวลีเด็ดของท่านทูตไทยในกรุงนิวเดลี บอกประมาณว่า“รถบรรทุกทหาร TATA LPTA บิ๊กล็อตนี้ มันทนทาน ดูแลรักษาง่าย เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การใช้งานและรับใช้ชาติ”ทำให้ข้าน้อยออกอาการงงเป็นไก่ตาแตกยกเล้านะจ๊ะนาย!
ไม่เถียงครับว่า ณ ดินแดนภารตะ มอเตอร์ส (TATA Motors)เป็นผู้ผลิตยานพาหนะที่มีรายได้สูงสุดของอินเดีย เรียกได้ว่าเป็นมหาอำนาจด้านยานยนต์หนึ่งเดียว ผลิตยานเกราะยุทธวิธีและการต่อสู้ซับซ้อน รวมถึงเครื่องยิงขีปนาวุธระดับไฮเอนด์ให้กองกำลังป้องกันของอินเดีย
ทว่า ตัดภาพกลับมาที่เมืองไทย ที่บอกดูแลรักษาง่ายหากจะซ่อมบำรุงจะเข้าศูนย์บริการที่ไหน?อะไหล่หายากหรือไม่?
อย่าลืมนะครับว่าเมื่อปลายปี 61 คงจำกันได้บริษัท ทาทา มอเตอร์ส ได้ปิดฉากในประเทศไทยกลับไปโซ้ยโรตีที่บ้านเกิดแล้ว พร้อมประกาศยุติการผลิตรถยนต์บรรทุกขนาดเล็กยี่ห้อทาทาในประเทศไทยจากภาวะขาดทุนยับกว่า 9 พันล้านบาท แต่ยังคงจำหน่ายรถบรรทุกขนาดเล็กในไทยต่อไป โดยจะนำเข้าจากประเทศอินเดียมาจำหน่ายในรูปแบบสำเร็จรูป (CBU) เท่านั้น
แล้วที่ท่านทูตพรูพรั่งว่า…”ทนทานและดูแลรักษาง่าย เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การใช้งานและรับใช้ชาติ” มันคืออิหยังล่ะจ๊ะนาย????
:วิหคไพร