แม้มหากาพย์เมล์NGV 489 คันจะถูกปิดฉากลงด้วยน้ำมือกลุ่ม SCN-CHO หรือบมจ. สแกน อินเตอร์ (SCN) และ บมจ.ช ทวี (CHO)ที่ชนะการประมูลในวงเงินกว่า 4 พันล้านบาท และได้มีการส่งมอบล็อตแรกให้กับขสมก.100 คัน (26 มี.ค.61) เปิดวิ่งให้ประชาชนหย่อนก้นลงนั่งหลังหาวเรอรอมาร่วม 7 รัฐบาลกินเวลานานร่วม 13 ปีโครงการสุดอัปยศนี้ถึงได้รูดม่านลง
จากนั้นทาง SCN-CHO ได้ทยอยส่งมอบจำนวนรถที่เหลือเรื่อยมาจนครบ 489 คันบริบูรณ์ในวันที่ 12 มี.ค.62 ซึ่งกว่าจะครบ 489 คันก็เล่นงานหืดขึ้นคอและกินเวลาขวบปีเต็มๆ
ทว่า จากวันนั้นถึงวันนี้ข้อกังวลของสังคมถึงรถเมล์ 489 คันที่ผลิตและนำเข้าจากจีนแผ่นดินใหญ่ ว่าด้วยประสิทธิภาพ คุณภาพ และมาตรฐานในการตะบี้ตะบันใช้งานวิ่งบริการประชาชนคนกรุงทุกวี่ทุกวัน รถต้นทางจากจีนอะไรพันธุ์นั้นน่ะ มันจะยืนระยะทนแดน-ฝน-ฝุ่นบนถนนเมืองไทยนานได้สักกี่น้ำ?จะยืนยงคงมาตรฐานดีเยี่ยมระยะยาวนานเหมือนกับรถญี่ปุ่นรุ่นในตำนานได้หรือไม่?
ล่าสุด กลิ่นไม่ค่อยโสภาก็โชยออกจากช่องประตู-หน้าต่างขสมก.มาจนได้ เพราะไอ้รถเมล์เอ็นจีวีเจ้ากรรมนายเวรอะไรเทือกนั่นน่ะมันเกิดเสียบ่อยน่ะสิญาติโยม บ่อยไม่บ่อยการันตีได้จากประชาชนร้องเรียนไปยังขสมก.จนหูชามาแล้ว ว่ากันว่าสถิติเสียบ่อยขัดข้องบ่อยสูงกว่าค่ามาตรฐาน3% พุ่งไปที่ 8% คิดให้เห็นตัวเลขชัดจาก 489 คันก็เสียซ้ำซากไปแล้วเกือบ 40 คันทั้งที่เป็นรถใหม่เพิ่งใช้งานแค่ 1-2 ปีเท่านั้น
เรื่องงามไส้แตกทะลักแบบนี้เจ้าสำนัก ช ทวี อย่าง“สุรเดช ทวีแสงสกุลไทย”ต้องออกโรงชี้แจงว่าที่ผู้โดยสารจำนวนมากร้องเรียนรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่บริษัทฯชนะประมูลในวงเงิน 4 พันกว่าล้านบาทขัดข้องบ่อยครั้งสูงกว่าค่ามาตรฐาน 3% พุ่งไปที่ 8%ทั้งที่เป็นรถใหม่เพิ่งใช้งานแค่1-2 ปีนั้นยอมรับ“จริง”
ที่เสียบ่อยเกิดมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 62 ตอนนั้นพบรถเสียถึง 8% บริษัทไม่ได้นิ่งนอนใจได้หารือขสมก.หาแนวทางแก้ไขอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันรถเสียอยู่ที่ 4% บริษัททุ่มงบกว่า10 ล้านเปลี่ยนอะไหล่รถที่มีปัญหาเสียบ่อยทั้งหมด เช่น ผ้าเบรก ระบบเซ็นเซอร์ น้ำมันเครื่อง เครื่องยนต์ และยางรถยนต์ โดยเป็นอะไหล่ที่ผลิตจากไทย
และช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่เดินรถไม่เต็มที่บริษัทได้ทยอยนำรถเมล์บางส่วนมาซ่อมบำรุงรักษาด้วยพร้อมตั้งเป้ารถเสียต้องเหลือ 3% ภายในปี 63 แต่จะไม่ให้เกิดรถเสียเลยสักคันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะรถใช้งานอยู่ตลอดเวลา แต่ควรเสียน้อยที่สุดไม่ใช่มากเหมือนช่วงกลางปี 62 เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายใหญ่แห่งสำนัก ช ทวี ยังระบุอีกว่าปัญหาหารถเมล์เสียทำให้บริษัทต้องจ่ายค่าปรับให้ ขสมก.เดือนละ 5-7 แสนบาทต่อเดือน อนาคตจะปรับปรุงข้อบกพร่องน้อยลงเพื่อลดค่าปรับเหลือ 1-2 แสนบาทต่อเดือน
ส่วนกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่ารถเมล์เสียบ่อยเพราะเป็นรถที่ผลิตจากประเทศจีนต้นทางหรือไม่นั้น? CEO ช ทวี บอกว่าบริษัทชนะประมูลโครงการในนามกลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO ที่ร่วมกับบจก.สแกนอินเตอร์ (SCN) ราคาประมูลไม่สูงตกประมาณคันละ 8 ล้านทำให้คุณภาพโดยรวมในการผลิต โดยเฉพาะอะไหล่ชิ้นส่วนรถอาจจะไม่ดีก็ได้ทำให้เกิดปัญหารถเสียบ่อย
ฟังท่านสำนัก ช ทวี ร่ายเหตุผลเสร็จสรรพแปลความให้สังคมอุดมปัญญาเข้าใจชัดๆตรงๆแบบผู้ดีอังกฤษมันก็ประมาณว่าราคารถที่ประมูลได้ไม่สูงตกคันละ 8 ล้านเอง คุณภาพและอะไหล่ต่างๆก็อาจ“ไม่ดี”เป็นมูลเหตุให้รถเสียบ่อยเป็นเรื่องธรรมดา ราคารถก็สมเหตุสมผลแล้วกับคุณภาพมาตรฐานการใช้งาน
ทว่า หากเป็นภาษาวัยรุ่นวัยแว้นส์แถวบางกะปิฟังแล้วก็อาจเผลอบ้วนอะไรบางอย่างจากปากเป็นอันรู้กันทั่วทุ่งบางกะปิว่า“แหม่ะ!ก็รถมันห่วยนี่หว่า คุณภาพมันก็ต้องห่วยแตกเป็นเรื่องธรรมดา…จะเอาอะไรกันนักหนาฟร๊ะ”
หลังต้องทนอนาถใจกับมหากาพย์เมล์ NGV สุดอัปยศที่กินเวลา 13 ปี 7 รัฐบาล“ประเทศชาติ-ประชาชน”สูญเสียอะไรไปบ้าง?ยังต้องมาปวดกบาลต่อกับรถเสียบ่อยขัดข้องบ่อยอีก เห้อ!ทำไงได้ล่ะครับพี่น้องก็ของมันห่วยมาตั้งแต่ต้นทาง มาถึงปลายทางมันไม่แปลกหรอกที่มันจะ“เสียซ้ำซาก”วิบากกรรมไม่จบสิ้นจริงๆพระเดชพระคุณท่าน!
…นี่แค่ 2 ปียังอนาถได้ถึงเพียงนี้ อีก 5 ปี 10 ปีไม่ต้องสืบให้เสียเวลาเปล่าๆปลี้ๆครับ!
:ขันธ์ธีร์