นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยถึงการนำเทคโนโลยีบัตร EMV (Europay Mastercard and Visa) Contactless Smart Card (Open Loop) มาใช้กับระบบตั๋วร่วม บัตรแมงมุมของไทย ว่าเทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการเดินทางและการชำระเงิน รวมทั้งสามารถเข้าถึงการเดินทางได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ลดระยะเวลา และเพิ่มความคล่องตัวในการเดินทางของประชาชน
การพัฒนาก้าวต่อไปสู่ “บัตรแมงมุมระบบ” EMV (Europay Mastercard and Visa) การชำระค่าโดยสารระบบขนส่งมวลชนนั้น ได้เริ่มมีการเปลี่ยนมาใช้มาตรฐานระบบ EMV โดยในปี พ.ศ. 2557 เมืองลอนดอน สหราชอาณาจักร ได้เริ่มทดลองการนำ EMV มาใช้ในการชำระค่าโดยสารควบคู่กับบัตร Oyster Card เพื่อแก้ปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในการออกบัตรและบำรุงรักษาระบบ รวมทั้งความล่าช้าของผู้โดยสารในกรณีที่เงินในบัตรหมดในช่วงเวลาเร่งด่วน
การทดลองใช้ในช่วงแรกยังติดปัญหาเรื่องความเร็วในการอ่านบัตร และได้มีการพัฒนาต่อมาโดยในปัจจุบันสามารถปรับปรุงความเร็วในการอ่านบัตรได้ตามมาตรฐานขั้นต่ำของภาคขนส่งที่ 300-500 มิลลิวินาที/ธุรกรรมการขนส่ง (msec/transaction) รวมทั้งสามารถลดค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานขายบัตร ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับบัตร และค่าใช้จ่ายการทำธุรกรรม ทำให้หลายประเทศเริ่มให้ความสนใจในการเปลี่ยนมาใช้ระบบ Open Loop มากยิ่งขึ้น เช่น เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย และประเทศสิงคโปร์ ได้เปลี่ยนมาใช้ระบบ EMV ในปี พ.ศ. 2560 และเมืองอื่นๆ ในอีกหลายประเทศ กำลังอยู่ในช่วงปรับมาใช้ระบบนี้มากขึ้น ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย
โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการบัตรแมงมุมระบบ EMV (Europay Mastercard and Visa) กับรถไฟฟ้าทุกสายที่เปิดให้บริการแล้ว รวมทั้งรถโดยสารประจำทางของ ขสมก. ภายในเดือนธันวาคม 2562 และจะสามารถใช้บริการได้ครอบคลุมทุกระบบการเดินทาง ได้แก่ ระบบทางพิเศษ เรือโดยสาร และรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ ต่อไปในอนาคตด้วย