เหลือบเห็นข่าวพี่น้องรถตู้โดยสารปรับอากาศที่วิ่งให้บริการในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลกว่า 1.8 พันคันถึงคราปลดระวางหลังล้อหมุนให้บริการครบ 10 ปีตามการจัดระเบียบรถตู้ของคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง, กรมการขนส่งทางบก(ขบ.)และคณะกรรมการจัดระเบียบรถตู้ ดีเดย์ 1 ต.ค.นี้เป็นต้นไป
นัยว่ากลุ่มก๊วนรถตู้ดังกล่าวเดือดร้อนหนักถึงขึ้นตบเท้าเข้าทำเนียบยื่นหนังสือถึงนายกฯลุงตู่เพื่อขอผ่อนผันต่อลมหายใจไปอีก 5 ปี ท้ายที่สุดก็ต้องฝันค้างเมื่อหน่วยงานที่รับผิดขอบยืนกรานไม่ยอมผ่อนผันตามที่กลุ่มตัวแทนรถตู้ยื่นหนังสือร้องทุกข์
พร้อมกับย้ำหัวตะปูหนักแน่นอีกครั้ง”ต้องปลดระวาง”สถานเดียวตามระเบียบเหตุสภาพรถไม่เหมาะสมกับการใช้งานและประกันภัยไม่รับทำประกัน!
เมื่อกรมฯเล่นทุบโต๊ะเปรี้ยงเยี่ยงนี้แน่นอนพายุความเดือดร้อนย่อมถาโถมกระหน่ำใส่พี่น้องรถตู้ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ คนที่พอมีกำลังก็ต้องรีบเร่งทำเรื่องเพื่อขอเปลี่ยนรถตู้เป็นรถตู้คันใหม่ ก็สามารถให้บริการต่อไปได้อีก 10 ปี แต่หากในปีหน้าเป็นต้นไปหากจะต้องการเปลี่ยนรถจะรถตู้ไม่ได้แล้ว ต้องเปลี่ยนเป็น “รถมินิบัส” เท่านั้น
เหนื่อยใจแทนคนที่เบี้ยน้อยหอยน้อยก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร แหล่งเงินทุนที่กรมฯดึงร่วมพันธมิตรพร้อมกับประกาศปาวๆยืนยัน “เข้าถึงง่าย-อนุมัติง่าย” พร้อมจะให้ความเข้าช่วยเหลือเต็มที่สุดๆไปเลย สุดท้ายจะสะดวกโยธินเหมือนหนังโฆษณาเหรือไม่?
เข้าใจว่าพี่น้องรถตู้น่าจะเตรียมตัวเตรียมใจรับชะตากรรมเป็นที่เรียบร้อย!
ฟากผู้ใช้บริการก็หนีไม่พ้นถึงผลกระทบเช่นกัน แม้กรมฯจะหล่นวาจาย้ำชัดประชาชนไม่ต้อง “ตกใจ” เพราะได้วางมาตรการรองรับเรียบร้อยแล้ว โดยได้ประสานสิบทิศไปยังขสมก.-บขส.-รถโดยสารไม่ประจำทางหมวด 30 นำมาวิ่งให้บริการเสริมแทนใน 18 เส้นทางทดแทนรถตู้ที่หยุดวิ่งด้วยราคาค่าโดยสารระนาบเดียวกันกับรถตู้นั่นแหละ
แม้กรมฯจะประกาศปาวๆไม่ต้องกังวลและอย่าตื่นตระหนกอะไรมาก(นะจ๊ะ) ก็ต้องย้อนถามกรมฯแหล่ะว่าไอ้มาตรการทั้งหลายแหลที่กรมฯพรั่งพรูนั่นมันสามารถแก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชนผู้ใช้บริการรถตู้ในเส้นทางที่หยุดวิ่งได้แบบเบ็ดเสร็จแล้วหรือ? ศักยภาพการบริหารจัดการของกรมฯเองพรั่งพร้อมแค่ไหน?หรือมันคือมาตรการแบบแก้ผ้าเอาหน้ารอดเหมือนที่กรมฯเคยๆทำมา?
โดยเฉพาะจำนวนรถตามที่กรมฯคุยโม้ซะดิบดีนั้น มันเพียงพอและสมดุลกับปริมาณผู้ใช้บริการหรือไม่? คุณภาพของรถที่นำวิ่งให้บริการอีกร่ะได้มาตรฐานแค่ไหน ลำพังอิแค่รถขสมก.ที่วิ่งให้บริการประชาชนในปัจจุบันก็ยังไม่เพียงพออยู่แล้ว
ไหนบรรดารถที่จะนำวิ่งทดแทนนั้น สภาพรถที่เรียกว่า “ใหม่ทั้งคัน”นี่ไม่ทราบว่ามีอยู่ในสารระบบขสมก.หรือไม่ นอกนั้นก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในสภาพ “สับปะรังเค” ทั้งนั้น “เก่าแล้วเก่าอีกเน่าแล้วเน่าอีก” กว่าจะมาแต่ละคันก็ยืน-นั่งรอจนจะเป็นง่อยอยู่แล้ว นี่คือวิบากกรรมของมนุษย์รถเมล์ขสมก.ที่กล้ำกลืนฝืนทนในแต่ละวัน
ยังไม่ต้องสาธยายถึงรถบขส.และรถ 30 ที่จะมาวิ่งแทน ก็ไม่รู้ว่ากรมฯคิดได้ไงเอารถทัวร์มาวิ่งแทนในเส้นทางรถตู้!
ยกตัวอย่างง่ายๆเลยเอาแค่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแห่งเดียวเท่านั้น ไม่รวมจุดอื่นๆ ที่ถือว่าเป็น “จุดไข่แดงรถตู้”ที่ขนส่งคนจากในเมืองไปยังชานเมือง มีรถจำนวน 11 เส้นทางรวมตู้ที่ปลดระราง 260 คัน แต่รถกรมฯจะนำวิ่งทดแทนแค่ 35 คันเท่านั้น ย้ำ 35 คันเท่านั้น ประทานโทษครับนี่ชาวนาเกลือแถวสมุทรสาครเขาอุทานดังๆได้เลยว่ามันจะพอ “ขี้เกลือ” อะไร?
กับมาตรการรองรับของหน่ายงานที่รับผิดชอบในครั้งนี้ สุดท้ายแล้วมันก็แค่อิแค่
….“ ผีเน่าโลงผุ” ดีๆนี่เอง!