NEX รายงานผลประกอบการ Q2/2566 ทำรายได้รวม 2,753.94 ล้านบาท พร้อมกำไรสุทธิ 352.5 ล้านบาท รายได้โตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 593% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปีก่อน ขณะที่รายได้ครึ่งปี 5,964.56 ล้านบาท กำไรทะลุ 504.59 ล้านบาท มั่นใจครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่อง
นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX เปิดเผย ผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ปี 2566 ว่า Q2/2566 บริษัทพลิกทำกำไรสุทธิ 352.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 593.13% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 ที่ขาดทุนสุทธิ 59.42 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้จากการประกอบธุรกิจในไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 2,753.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,543.77 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1,210% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 210.17 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของธุรกิจเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์จำนวน 2,567.11 ล้านบาท เนื่องจากในงวดไตรมาส 2 ปี 66 บริษัทฯจำหน่ายรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้เพิ่มขึ้น จำนวน 487 คัน
ขณะที่รายได้อื่นของบริษัทในไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 32.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.34 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 294% โดยมีสาเหตุสำคัญคือดอกเบี้ยจากการขายสินค้าผ่อนชำระ และจากเงินให้กู้ยืมที่เพิ่มขึ้นจำนวน 7.42 ล้านบาท และรายได้เงินชดเชยสินค้าเสียหายบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้น จำนวน 14.53 ล้านบาท สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 504.59 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 122.18 ล้านบาท มีกำไรเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 626.75 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายและบริการ 5,964.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,599.88 ล้านบาท หรือ 1,536% ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของธุรกิจเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ 5,584.48 ล้านบาท จากการจำหน่ายรถ 1,050 คัน
นายคณิสสร์ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลัง NEX จะเดินหน้าแผนผลิตรถพลังงานไฟฟ้า ทั้งรถกระบะไฟฟ้า รถตู้ไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า รถขยะไฟฟ้า และอื่นๆ เพราะเชื่อว่าแนวโน้มของตลาดรถ EV ปีนี้จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯมีแผนส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ทั้งในส่วนของ EV Mimi Bus และ EV Truck ปัจจุบัน NEX มีความพร้อมเดินหน้าผลิตยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มกำลัง โดยโรงงานประกอบยานยนต์ไฟฟ้ามีกำลังการผลิตสูงสุดที่ 9,000 คันค่อปี และบริษัทฯกำลังจะพิจารณาการขยายกำลังการผลิตที่มีอยู่ให้สอดคล้องกับความต้องการใช้รถ EV เพื่อผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง