ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ที่จีนมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ตู้บริการรับส่งพัสดุในประเทศจีนมีจำนวนมากกว่า 350,000 ตู้ และมีการใช้บริการรับส่งพัสดุหลัก 10 ล้านชิ้นผ่านตู้บริการทุกวัน โดยแบรนด์บริการ ตู้รับส่งพัสดุ Hive Box ในเครือ SF ครองส่วนแบ่งในตลาดกว่าร้อยละ 70 ในตลาดรับส่งพัสดุ โดย SF ออกมาเปิดเผยว่า ธุรกิจ Hive Box มีตู้รับส่งพัสดุให้บริการกว่า 300,000 ตู้ บริการครอบคลุมถึง 180,000 ชุมชนทั่วประเทศจีน ในขณะนั้นแบรนด์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากกับการบริการรับส่งพัสดุที่สะดวกสบายและโปรโมชั่นดีๆ ที่ทางแบรนด์สร้างขึ้นมาเพื่อดึงดูดลูกค้า
โดย HiveBox ก่อตั้งขึ้นในปี 2558 ได้รับเงินลงทุนกว่าพันล้านดอลลาร์ และมีมูลค่ากว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เงินทุนเริ่มต้น (78 ล้านดอลลาร์) มาจากธุรกิจโลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุด 5 แห่งของจีน ได้แก่ SF Express, UDA Express, STO Express, ZTO Express และ GLP (Global Logistic Properties) ภายในปี 2020 เครือข่ายมีตู้ล็อคเกอร์ HiveBox มากถึง 170,000 แห่ง ทำให้เป็นผู้เล่นที่ใหญ่ที่สุดในตลาดตู้เก็บพัสดุของจีน ซึ่งรวมตู้ล็อคเกอร์แล้วถึง 400,000 ตู้

แต่ในช่วงที่ผ่านมา Hive Box ได้รับการถกเถียงจากผู้คนในอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับการเก็บค่าบริการ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางแบรนด์มีการเก็บค่าธรรมเนียมค่าบริการตู้รับส่งไม่ว่าจะกรณีใด ซึ่งผู้ใช้บริการเห็นว่าเป็นการจ่ายค่าบริการซ้ำซ้อน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้จ่ายค่าบริการขนส่งแล้วส่งผลให้กลุ่มผู้ใช้บริการเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก และเริ่มเกิดการต่อต้านแบรนด์อย่างรุนแรง จึงทำให้ทางแบรนด์ต้องออกมาปรับกลยุทธ์การบริการใหม่ โดยขยายเวลารับส่งพัสดุฟรี 18 ชั่วโมงแรก หากเกินเวลาที่กำหนดจะคิดค่าบริการจัดเก็บสินค้าล่วงเวลา 0.5 หยวน สูงสุดที่ 3 หยวน
จาการปรับกลยุทธ์นี้ แบรนด์ก็ได้รับการยอมรับอีกครั้ง และดูเหมือนว่า Hive Box มีความกังวลที่จะหาวิธีบรรลุผลกำไร โดยในปี 2560 เป็นปีที่อุตสาหกรรมตู้รับส่งพัสดุมีการแข่งขันที่เข้มข้นที่สุดมีการเข้ามาของตลาดคู่แข่งสูงขึ้นอย่างเช่น CHAINAO, Tuxi Express เป็นต้น หลังจากนั้นไม่กี่ปีผ่านมา ก็มีอีกหลายบริษัทได้เปิดตัวตู้รับส่งพัสดุเมื่อเข้าปี 2563 แบรนด์ Hive Box เริ่มมีสัดส่วนในอุตสาหกรรมลดลง
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่า Hive Box จะมีรากฐานที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในตลาด แต่ก็อยู่ในภาวะขาดทุนเป็นเวลานาน ตั้งแต่ปี 2559-2563 แบรนด์ต้องขาดทุนทางธุรกิจถึง 2,500 ล้านหยวน มีหนี้สินโดยรวมกว่า 5,560 ล้านหยวน และจากกระแสความไม่พอใจจากการเก็บค่าบริการจากผู้ใช้ ทำให้รายได้ของ Hive Box มาจากอัตราค่าส่งสินค้าที่ต้องหักส่วนแบ่งให้กับคนส่งของ และรายได้จากการโฆษณา ซึ่งรายได้ยังคงไม่เพียงพอเพื่อรักษาความอยู่รอดทางธุรกิจในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาแบรนด์ Hive Box ยังคงมองหาวิธีการสร้างรายได้ ใหม่ให้เป็น “ธุรกิจเพื่อชุมชน” เช่น ธุรกิจทำความสะอาด การบำรุงรักษา และการซักรีด เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ Hive Box ได้เปิดตัวบริการ “ซักรีด” บนบัญชีทางการออนไลน์ Mini Program และบนแอพพลิเคชั่น และมี ส่วนลดพิเศษต่างๆ สำหรับลูกค้าใหม่ นอกจาก Hive Box จะมีแพ็คเกจให้บริการซักผ้า ซักรองเท้าที่หลากหลายแล้วทางแบรนด์ยังมุ่งเน้นขยายบริการไปยังกลุ่มชุมชน อาทิ ชุมชนที่อยู่อาศัย โรงงาน เป็นต้น
ปัจจุบัน Hive Box ได้ ร่วมมือกับร้านซักรีดกว่า 22 แห่งในแต่ละเมือง เมื่อซักเสร็จลูกค้ายังสามารถเลือกรับสินค้าได้หลายรูปแบบ อาทิ เลือกมารับเองที่ร้าน ให้บริการ SF ส่งถึงหน้าบ้าน หรือฝากไว้ที่ตู้ บริการรับส่งพัสดุของ Hive Box เป็นต้น
โดยแบรนด์ Hive Box เปิดเผยอีกว่า อุตสาหกรรมซักแห้ง เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมซัดรีดที่นิยม และค่อยๆ กลายเป็นหนึ่งในบริการในชีวิตประจำของผู้คน ซึ่งมูลค่าตลาดซักแห้งอยู่ที่ 100,000 ล้านหยวน เติบโตถึงร้อยละ 30 จาก ประชากร 1,400 ล้านคน มีผู้คนเกือบร้อยละ 20 ต้องการใช้บริการซักรีด ซักแห้ง และบำรุงรักษาเสื้อผ้า นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังเล็งเห็นโอกาสด้านการให้บริการบำรุงรักษาอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้าน ซึ่งครึ่งปีหลัง 2565 แบรนด์ยังเปิดตัวธุรกิจให้บริการบำรุงรักษาเครื่องใช้ในบ้าน อาทิ การบำรุงรักษาระบบน้ำระบบไฟ ระบบท่อ และระบบรางน้ำฝน เป็นต้น ปัจจุบัน “Hive Box ซักรีด” ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีแต่อย่างไรก็ตาม ทางแบรนด์ยังคงต้องเร่งหาวิธีการวางกลยุทธ์การสร้างกำไรเพื่อความอยู่รอดทางธุรกิจ
แหล่งที่มา: https://mp.weixin.qq.com/s/XeMXNnv2IqAysy_Ak1GBHA http://www.chinairn.com/hyzx/20210927/180435795.shtml
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเซี่ยเหมิน