ที่ผ่านมา บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกตั้งเป้ายุติการผลิตรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงภายในปี 2583 (บริษัทผู้ผลิตรถยนต์อาทิ Audi (ปี 2576) Nissan ( ปี 2578) Honda (ปี 2583) และ Ford, MercedesBenz, General Motors, Volvo, Jaguar Land Rover และ BYD ยกเลิกการผลิตรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิง ภายในปี 2578) ประกอบกับหลายประเทศทั่วโลกประกาศระงับการจำหน่ายรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงภายในปี 2578 และล่าสุดนาย Shane Rattenbury รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและการกำจัดมลพิษออสเตรเลีย เปิดเผย แผนการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงสู่รถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2578
โดยกำหนดให้การซื้อรถยนต์ใหม่ในเขตปกครอง Australian Capital Territory (ACT) ตั้งแต่ปี 2578 เป็นต้นไป ต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งมีผลกับรถยนต์ที่ใช้งานส่วนบุคคลเป็นหลัก (ได้แก่ รถเก๋ง SUV กระบะ รถมอเตอร์ไซด์และ รถบรรทุกขนาดเล็ก) โดยคาดว่า ภายในปี 2573 รถยนต์ใหม่ที่จำหน่ายในเขตปกครอง ACT ร้อยละ 80-90 จะ เป็นรถยนต์ที่ปลอดการปล่อยมลพิษ (Zero emission Vehicle: ZEV)
โดยเขตปกครอง ACT ซึ่งเป็นที่ตั้งของกรุงแคนเบอร์รา เมืองหลวงของออสเตรเลียจะเป็นรัฐที่กำหนดเป้าหมายและสามารถบรรลุเป้าฯ การเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงสู่รถยนต์ไฟฟ้าได้เป็นรัฐแรก เนื่องจากมีมาตรการภายใต้แผน ACT Zero Emissions Vehicles Strategy 2022-2030 กระตุ้นการซื้อรถยนต์ ไฟฟ้าอย่างจริงจัง เช่น สินเชื่อเงินกู้การซื้อรถยนต์ไฟฟ้าปลอดดอกเบี้ยมูลค่าสูงถึง 15,000 เหรียญออสเตรเลีย (Sustainable Household Scheme) ยกเลิกค่าจดทะเบียนรถยนต์ประเภท ZEV (รถยนต์ทั้งเก่าและใหม่) เป็นเวลา 2 ปี ยกเว้นภาษี Stamp duty รวมถึงแผนการขยายสถานีชาร์จพลังงานเพิ่มเติมปัจจุบันเขตปกครอง ACT มีรถยนต์ประเภท ZEV จำนวน 2,069 คัน (900 คันเป็นรถยนต์ที่ จดทะเบียนในปี 2564) กระนั้น รถยนต์ประเภท ZEV มีสัดส่วนเพียงร้อยละ 0.64 ของรถยนต์ใหม่ที่ จดทะเบียนในเขตปกครอง ACT ทั้งหมด (สถิติ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2565)
อย่างไรก็ตาม ภายใต้แผนของเขตปกครอง ACT การซื้อรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงมือ 2 รวมถึงการใช้ งานรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงบนท้องถนนไม่ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย เนื่องจากแผนดังกล่าวไม่ได้กำหนด ขึ้นเพื่อกำจัดรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงบนท้องถนน แต่เป็นการระงับการซื้อ/จำหน่ายรถยนต์ใหม่ซึ่งเป็นสาเหตุ ของปัญหามลพิษในเบื้องต้นและคาดว่า รัฐบาลมลรัฐ อื่น ๆ จะมีนโยบายที่สอดคล้องกันต่อไป
สำหรับนโยบายของรัฐบาลกลาง นาย Anthony Albanese นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียได้เลือกใช้มาตรการกระตุ้นการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแทนการสั่งห้ามการซื้อรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิง ได้แก่ การยกเลิกภาษี นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (ร้อยละ 5) เพื่อให้รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาถูกลง (ประมาณ 2,000 เหรียญออสเตรเลียสำหรับ รถยนต์ไฟฟ้าราคา 40,000 เหรียญออสเตรเลีย) และยกเลิกภาษี Fringe Benefits Tax สำหรับบริษัทที่ซื้อ รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการใช้งาน เป็นต้น
ทั้งนี้ สังเกตุได้ว่าช่วงที่ผ่านมา ออสเตรเลียยังไม่มีข้อกำหนดด้านมาตรฐานการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของยานยนต์เพื่อบังคับ ใช้กับโรงงานผลิตรถยนต์และยังไม่มีการบังคับใช้รถยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อ รองรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศอย่างจริงจัง ทำให้ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีความล่าช้าต่อการเปลี่ยน ผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า มีผลต่อการกำหนดกลยุทธ์การทำตลาดยานยนต์ในออสเตรเลียของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์
โดยปัจจัยสำคัญ 4 ประการที่เป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงสู่รถยนต์ไฟฟ้า ของออสเตรเลียให้มีความล่าช้ากว่าประเทศอื่นๆ คือ รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาสูงเกินกำลังซื้อ ขาดแคลนสถานีชาร์จ พลังงานเร็ว (สภาพภูมิประเทศที่กว้างใหญ่) รถยนต์ไฟฟ้าที่เข้ามาทำตลาดออสเตรเลียยังจำกัด (ปัจจุบัน รถยนต์ไฟฟ้าของ MG และ KIA กำลังทำตลาดอย่างหนักทั้งด้านความหรูหราและเทคโนโลยีที่ทันสมัย) และ ขาดมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างจริงจัง มีผลให้ผู้ใช้ยานยนต์เลือกที่จะใช้รถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงที่ใช้อยู่ยาวนานขึ้น
แหล่งอ้างอิง : www.canberraweekly.com.au/ www.abc.net.au