จากการรายงานของนิตยสาร Forbes ปัจจุบัน เวียดนามมีกลุ่มทุนธุรกิจที่เป็นมหาเศรษฐี จำนวน 5 คน และในปี 2568 จะเพิ่มเป็น 6 คน ทำให้เวียดนามจะกลายเป็นประเทศที่มีศักยภาพสำหรับ แบรนด์สินค้าฟุ่มเฟือย เรือยอร์ช(Yacht) สุดหรูรุ่น Prestige 520 ลำที่ 3 ที่มีราคาอย่างน้อย 33 พันล้านเวียดนามด่ง (มากกว่า 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพิ่งส่งมอบให้กับเจ้าของในนครโฮจิมินห์
ทั้งนี้ เรือยอร์ชยี่ห้ออื่นๆ ที่มีมูลค่าหลายล้านเหรียญสหรัฐก็ถูกซื้อโดยชนชั้นสูงในเวียดนาม มหาเศรษฐีเวียดนามบางคนจะมีเรือยอร์ชประมาณ 2-3 ลำ ในปี 2564 รถซูเปอร์คาร์(Super Car) หลายคันที่มีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐได้นำเข้า มาที่เวียดนาม
ในเดือนมิถุนายน 2564 ผู้ผลิตรถยนต์ Bentley เปิดตัวรถซีดาน (Sedan) สุดหรูรุ่น Flying Spur V8First Edition 2021 ในเวียดนาม โดยมีราคาอยู่ที่ 18-21 พันล้านเวียดนามด่ง (ประมาณ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในช่วงปลายปี 2564 ตัวแทนจำหน่ายของผู้ผลิตรถยนต์Maserati ได้ประกาศคำสั่งซื้อรถซูเปอร์คาร์ MC20 ซึ่งมีราคาตั้งแต่ 16.5 พันล้านเวียดนามด่ง (ประมาณ 700.7 พันเหรียญสหรัฐ)
ในเดือนธันวาคม 2564 รถยนต์ โรลส์-รอยช์ โกสต์ (Rolls-Royce Ghost) รุ่นใหม่ ได้ส่งมอบอย่างเป็นทางการในเวียดนาม โดยราคาเริ่มต้น ที่ 30 พันล้านเวียดนามด่ง (ประมาณ 1.3 ล้านเหรียญสหรัฐ)
นอกจากเรือยอร์ชและรถซูเปอร์คาร์เวียดนามยังมีอสังหาริมทรัพย์มูลค่าหลายล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2564 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชัวรี่ (Luxury Real Estate) ได้เห็นหลายโครงการที่มีราคา เทียบเท่ากับตลาดสำคัญๆ เช่น ฮ่องกง และสิงคโปร์
โดยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตทาง เศรษฐกิจค่อนข้างเร็ว ดังนั้น ชนชั้นกลาง คนรวย และผู้ร่ำรวยมหาศาล(Super rich) เป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในโลก ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ความต้องการซื้อของและบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือยในเวียดนามมากขึ้น
ดร. โด๋ เทียน อันห์ ตั๊น (Do Thien Anh Tuan) จากมหาวิทยาลัย Fulbright Vietnam กล่าวว่า ด้วยอัตราการเติบโตของมหาเศรษฐีในเวียดนามเร็วเป็นอันดับสองของโลกในช่วงปี 2553 – 2562 ชนชั้นกลางเวียดนามจะตามทันประเทศอุตสาหกรรมใหม่ (newly industrialized country, NIC)
ในปี 2564 เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของ COVID-19 จำนวนคนที่มีทรัพย์สิน 1 ล้านเหรียญสหรัฐหรือมากกว่าในเวียดนามลดลงเมื่อเทียบกับ 5 ปีที่แล้ว ลดจาก 20,645 คนเป็น 19,491 คน และจำนวนคนที่มีทรัพย์สิน 30 ล้านเหรียญสหรัฐหรือมากกว่าก็ลดลงจาก 405 คนเป็น 390 คน
อย่างไรก็ตาม บริษัท Knight Frank คาดการณ์ว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า เวียดนามจะมีอัตราการเติบโตของมหาเศรษฐีที่รวดเร็วที่สุดในโลกโดยเฉพาะ ในปี 2568 เวียดนามจะมี 511 คนที่มีทรัพย์สินมากกว่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 25,812 คนที่มีทรัพย์สินมากกว่า 1 ล้านหรียญสหรัฐ
ขณะที่ตามรายงานของธนาคารโลก ในปี 2563 ชนชั้นกลางของเวียดนามจะอยู่ประมาณ 15 ล้านคน เท่ากับประชากรของฮ่องกงและสิงคโปร์รวมกัน ตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 25 ล้านคนในปี 2568 และเป็น 50 ล้านคนในปี 2588 แบรนด์หรูหลายแบรนด์ได้ปรากฏตัวขึ้นในเวียดนาม
นาย Gibran Bukhari ผู้จัดการธุรกิจ ของบริษัท Masterise Homes กล่าวว่า ด้วยการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของคนรวยในเวียดนาม อสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชัวรี่กำลังจะมีโอกาสในการพัฒนาที่แข็งแกร่ง ซึ่งไม่เพียงแต่ยกระดับตลาด แต่ยังสร้างภาพลักษณ์ และตำแหน่งที่แตกต่างของเวียดนามในสายตาของนักลงทุนต่างชาติด้วย
Ritz Calton เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีชื่อเสียง และได้รับความชื่นชมมากที่สุดในโลกสำหรับ ด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชัวรี่ซึ่งกำลังมีอยู่ในเวียดนาม ในด้านแฟชั่น กรุงฮานอยเป็นเมืองของแบรนด์ แนมมากมาย เช่น แบรนด์ Prada แบรนด์ Hermès แบรนด์Gucci เป็นต้น
ในนครโฮจิมินห์ คนรวยสามารถซื้อสินค้าที่ร้านของแบรนด์ Hermès แบรนด์ Louis Vuitton แบรนด์ Channel แบรนด์ Burberry และแบรนด์ Rolex ตามบริษัทวิจัยตลาด Statista ในตลาดสินค้าลักซ์ชัวรี่ สินค้าเครื่องหนังหรูหรามีส่วนแบ่ง การตลาดมากที่สุด ประมาณร้อยละ 30 รองลงมาคือแฟชั่นคิดเป็นร้อยละ 25 นาฬิกาและเครื่องประดับคิด เป็นร้อยละ 21 และน้ำหอม เครื่องสำอางและแว่นตาคิดเป็นร้อยละ 24
ที่มา : https://tienphongnews.com/