กรมทางหลวงชนบท (ทช.) เตรียมดำเนินโครงการขยายถนนชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของถนนชัยพฤกษ์ให้สมบูรณ์ สอดรับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ) ในการแก้ไขปัญหาการจราจร สนับสนุนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของกระทรวงคมนาคม เพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น
นายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท กล่าวว่า ถนนชัยพฤกษ์เป็นถนนสายหลักในแนวตะวันออก – ตะวันตก พื้นที่ฝั่งเหนือของกรุงเทพมหานครและปริมณฑลทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาเชื่อมโยงกับพื้นที่ย่านธุรกิจและสถานที่ราชการตามแนวถนนแจ้งวัฒนะ ก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดใช้ทางช่วงแรก จากสะพานพระราม 4 ถึงถนนราชพฤกษ์ เมื่อปี 2549 สำหรับช่วงที่ 2 จากถนนราชพฤกษ์ถึงถนนบางกรวย – ไทรน้อย ก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดใช้ เมื่อปี 2558 ถนนชัยพฤกษ์จึงกลายเป็นเส้นทางสายแรกที่เชื่อมต่อย่านตัวอำเภอปากเกร็ดเข้ากับย่านตัวอำเภอบางบัวทองได้โดยตรง ปัจจุบันเป็นถนนขนาด 6 ช่องจราจร ซึ่งยังพัฒนาไม่เต็มรูปแบบ มีปริมาณจราจรกว่า 40,000 คันต่อวัน เนื่องจากการเจริญเติบโตของการใช้ที่ดินในพื้นที่จังหวัดนนทบุรีฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้พื้นที่สองข้างทางมีการพัฒนาและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ถนนชัยพฤกษ์มีสภาพการจราจรที่ไม่คล่องตัวและมีแนวโน้มที่จะติดขัดมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ประสิทธิภาพของถนนชัยพฤกษ์ลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่องานก่อสร้างถนนราชพฤกษ์ – ถนนกาญจนาภิเษก (แนวเหนือ – ใต้) แล้วเสร็จ ทำให้ถนนชัยพฤกษ์สามารถเชื่อมต่อกับพื้นที่จังหวัดปทุมธานีได้รวดเร็วและสะดวกมากยิ่งขึ้น จึงเป็นการดึงดูดปริมาณจราจรให้เข้ามาใช้เส้นทางถนนชัยพฤกษ์มากตามไปด้วย
ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพิ่มความปลอดภัยแก่ผู้ใช้เส้นทาง เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของถนนชัยพฤกษ์ให้สมบูรณ์ขึ้นอย่างเร่งด่วน ทช.จึงเตรียมก่อสร้างผิวจราจรเพิ่มเติม โดยจะขยายช่องจราจรเป็น 10 ช่องจราจร โดยเป็นงานก่อสร้างปรับปรุงถนนคู่ขนานระดับดิน ขนาด 2 ช่องจราจรต่อทิศทางจากเชิงลาดสะพานพระราม 4 ถึงทางแยกต่างระดับถนนราชพฤกษ์ รวมระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร และงานปรับปรุงขยายผิวจราจรช่วงจากทางแยกต่างระดับถนนราชพฤกษ์ถึงถนนบางกรวย-ไทรน้อย รวมระยะทางประมาณ 3.5 กิโลเมตร พร้อมงานก่อสร้างทางเท้า ระบบระบายน้ำ และระบบไฟฟ้าแสงสว่าง รวมถึงงานก่อสร้างสะพานข้ามคลองพระอุดม งานก่อสร้างสะพานข้ามคลองบางภูมิ รวมจำนวน 4 แห่ง
ปัจจุบันโครงการดังกล่าวได้ดำเนินการสำรวจออกแบบรายละเอียดและจัดทำแบบก่อสร้างแล้วเสร็จขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในเดือนมิถุนายน 2564 ใช้งบประมาณในการก่อสร้างรวม 903 ล้านบาท โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2566