เวลาช่างผ่านไปไวเหมือนโกหกถึงปีนี้ก็ครบ5ปีแล้วสำหรับ“บีเอส เอ็กซ์เพรส”บริษัทผู้ให้บริการขนส่งด่วนพันธุ์ไทยที่เริ่มจุดพลุธุรกิจสตาร์ทอัพบนพื้นฐานความตั้งใจมุ่งหวังให้เติบโตแบบฉบับครอบครัวท่ามกลางความท้าทายการแข่งขันของคู่แข่งรายเล็ก-ใหญ่ทั้งไทยและเทศในตลาดจากแรงหนุนเมกะเทรนด์ธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่เติบโตแบบก้าวกระโดด
ล่าสุด บีเอส เอ็กซ์เพรส เดินหน้าวางแผนแนวนโยบาย(RoadMap)และปรับโครงสร้างหน่วยธุรกิจเสนอนักลงทุนปูทางเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอีก5ปีข้างหน้า(2570) พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจด้วยทีมงานมืออาชีพสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ทว่า ในรายละเอียดเชิงลึกจะเป็นอย่างไรนั้น Trans Time ขอซูมรายละเอียดทั้งหมดผ่านบทสัมภาษณ์ดร.ชุมพล สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีเอส เอ็กซ์เพรส 2020 จำกัด ในแต่ละประเด็น ดังนี้:

จากธุรกิจครอบครัวสู่เป้าหมายความเป็น“มหาชน”
ดร.ชุมพล ได้ฉายภาพให้เห็นในเบื้องต้นว่าบีเอสเอ็กซ์เพรสเริ่มต้นธุรกิจเมื่อปี 2560 มุ่งหวังการเติบโตแบบฉบับธุรกิจครอบครัวด้วยทุนของตัวเองไม่ต่างจากสตาร์ทอัพทั่วไป ทว่า เมื่อถึงวันนี้ถึงเวลาที่เหมาะสมกับการวางแผนและปรับโครงสร้างหน่วยธุรกิจเสนอนักลงทุนปูทางเป้าหมายเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอีก 5 ปีข้างหรือในปี2570 เพื่อยกระดับธุรกิจครอบครัวให้เป็นมืออาชีพมากขึ้น เปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้ามาร่วมลงทุนกับเราได้ พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจและสร้างองค์กรให้แข็งแกร่งภายใต้นักบริหารมืออาชีพสู่การเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน ซึ่งเวลานี้แผนธุรกิจเสร็จเรียบร้อยแล้วอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของนักลงทุนคาดว่าภายในเดือนธันวาคมศกนี้น่าจะเห็นภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้น
“ท่ามกลางการแข่งในตลาดที่มีผู้เล่นใหญ่ทุนหนาทำให้เราดูตัวเล็กเริ่มไม่คล่องตัวในการบริหารจัดการ จำเป็นต้องขยายความร่วมมือเพื่อให้เราแข็งแรงมากขึ้นมีศักยภาพสู้กับคู่แข่งในตลาดได้ เป็นการปรับโครงสร้างที่เอื้อกับการลงทุนสู่เป้าหมายที่เราวางไว้ จากวันแรกที่เราเริ่มต้นจากธุรกิจครอบครัวถึงวันนี้เราเติบโตและมีภูมิคุ้มกันได้ในระดับหนึ่ง ภาพรวมองค์กรแข็งแกร่งมากขึ้นทั้งในส่วนพนักงานและการบริหารจัดการตลอดถึงอัตราการเติบโตธุรกิจ”
ดร.ชุมพล ระบุต่อว่าเวลานี้เราบริหารจัดการธุรกิจในองค์กรที่ทันสมัยและง่ายมากขึ้น มีการสรุปตัวเลขธุรกิจที่เข้าใจได้ทันทีด้วยแดชบอร์ด ซึ่งแตกต่างจากเดิมกว่าจะรู้ตัวเลขต่างๆต้องใช้เวลาและผ่านหลายขั้นตอน เวลานี้เราวางระบบมีแดชบอร์ดติดตามและอัปเดตตัวเลขสำคัญได้ตลอดเวลา มีทีมงานที่แข็งแกร่งดูแลในแต่ละหน่วยธุรกิจ ทำให้การขับเคลื่อนธุรกิจมีความมืออาชีพและคล่องตัวมากขึ้น
เศรษฐกิจไทย-โลก-ภาวะสงครามยังเป็นตัวแปรสำคัญ
นอกจากนี้ ดร.ชุมพล ยังได้สะท้อนมุมมองและทิศทางการขับเคลื่อนธุรกิจในภาพรวมปีหน้าด้วยว่าเรามองใน 2 ภาคด้วยกัน ภาคแรกอยู่ในที่ตัวเราท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจของคู่ค้าคู่แข่ง ส่วนตัวแล้วมองว่าตัวเราต้องเตรียมความพร้อมและแข็งแรงในทุกๆด้าน เดินหน้าปรับระบบการบริหารพร้อมวางแผนธุรกิจภายใต้ระบบการบริหารจัดการที่เป็นมืออาชีพเพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับนักลงทุน
“ถึงกระนั้นเราก็ต้องไปดูที่บริบทมหภาคด้วย สิ่งที่เราคิดและเตรียมตัวไว้ท่ามกลางสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจทั้งในประเทศและทั่วโลก อีกทั้งการปรับตัวด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคและคู่แข่งในตลาด ซึ่งจะเป็นตัวแปรวัดว่าสิ่งที่เราคิดจะง่ายหรือยาก หากมีการปรับตัวในทิศทางที่เกินความคาดหวังที่เราวางไว้ เราก็ต้องมาพิจารณาและหาทางแก้ไข หากยังอยู่ในกรอบที่เราวางข้อสมมติฐานเอาไว้ก็น่าจะเป็นทิศทางที่เราเบาใจได้”
ส่วนความคาดหวังโฉมหน้าบีเอสฯในปีหน้าอันดับแรกเราจะต้องมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้นในทุกมิติ และความคาดหวังจะได้รับแรงหนุนการลงทุนจากนักลงทุนมากขึ้น หากเป็นไปตามแผนธุรกิจที่เราวางไว้ก็จะทำให้เราเติบใตในทิศทางบวกและมีความคล่องตัวภายใต้การบริหารจัดการโดยทีมงานมืออาชีพ
ระยะยาวธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ยังไปได้ไกล
อย่างไรก็ดี ดร.ชุมพล ยังสะท้อนมุมคิดต่อภาคธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ว่าส่วนตัวแล้วขอมองใน 3 ระยะด้วยกัน เริ่มต้นระยะยาวว่าด้วยธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ยังไงก็เป็นธุรกิจที่ไปได้ไกลและยาว ยังเป็นธุรกิจที่มั่นคงและน่าสนใจ ส่วนระยะกลางโลกจะเชื่อมกันมากขึ้นหนุนให้เกิดอานิสงส์การค้าการขายคึกคัก ง่าย และสะดวกมาก โดยพื้นฐานที่จะทำให้โลกสามารถเชื่อมกันได้ง่ายมากขึ้นก็จะต้องอาศัยระบบโลจิสติกส์ซึ่งถือว่าเป็นเส้นเลือดใหญ่เป็นตัวแปรสำคัญหล่อเลี้ยงเส้นเลือดธุรกิจต่างๆ
“ส่วนระยะสั้นจากต้นปีมาถึงเวลานี้ไม่ถึงกับดี เพราะวิกฤติโควิดทำให้กำลังซื้อตกผสมกับเศรษฐกิจโลกหดตัว และผลกระทบจากภาวะสงคราม ทำให้ภาพรวมอยู่ในภาวะทรงตัว คาดว่าปลายปีนี้หลังโควิดกลายเป็นโรคประจำถิ่นมีการเปิดประเทศมากขึ้นก็จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นหนุนให้ภาคธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ดีขึ้นไปด้วย”
ดร.ชุมพล ระบุอีกว่าปีหน้าหากภาพใหญ่ด้านสงครามและการกีดกันการค้าระหว่างสหรัฐและจีนคลายตัว ก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโลกกระเตื้องมากขึ้น ส่วนที่น่าพอใจก็คงเป็นภาคเศรษฐกิจอาเชียนด้วยกันยังดีและพอเติบโตได้ หากจะให้ดีก็ต้องพี่งเศรษฐกิจโลกเป็นตัวแปรหนุนในเชิงบวก
อีคอมเมิร์ซไม่ได้หอมหวานเหมือนเดิม
ขณะที่มุมมองต่อภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซนั้น ดร.ชุมพล บอกว่าธุรกิจส่งด่วนไม่ได้หอมหวานเหมือนในช่วงแรกที่เติบโตและเกิดโควิดใหม่ๆแล้ว แต่ละค่ายในตลาดได้รีดกำลังภายในมาใช้จนหมดหน้าตักแล้ว ทุกอย่างผ่านห้วงเวลาฮันนี่มูลมาแล้ว ความหอมหวานธุรกิจก็ลดน้อยลง เป็นตัวแปรสำคัญตอกย้ำสติให้ทุกค่ายในตลาดที่แต่เดิมเคยงัดกลยุทธ์สงครามราคาห้ำหั่นกันทว่าเวลานี้มันไม่ใช่กลยุทธ์ที่จะนำกลับมาใช้อีกแล้ว
“ทุกค่ายเน้นการขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้การบริหารจัดการต้นทุนที่คุ้มทุนและมีความสมดุลตามทิศทางตลาด ไม่ได้เน้นการทุ่มทุนและการปล่อยกลยุทธ์การตลาดที่หวือหวาชิงเค้กตลาดก้อนโตเหมือนเดิม ห้วงเวลานี้เค้กก้อนเดิมไม่ได้โตเหมือนแต่ก่อน จึงเป็นช่วงเวลาการพิสูจน์ความเป็นมืออาชีพโดยแท้จริง อยู่ที่ว่าใครจะบริหารจัดการต้นทุนและตอบโจทย์ตลาดได้มากกว่ากัน”
ปรับกระบวนทัพใหม่ให้เกื้อหนุนกันภายใต้ระบบนิเวศเดียวกัน
เมื่อถามว่าระหว่างทางก่อนถึงเป้าหมายเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอีก5ปีข้างหน้าจะเห็นทิศทางการเปลี่ยนแปลงของบีเอสเอ็กซ์เพรสอย่างไรบ้างหรือไม่?ดร.ชุมพลให้คำตอบว่าเมื่อก่อนเราขยายการบริการที่หลากหลายเพื่อสนองความต้องการและเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า ตลอดถึงเป็นการก้าวทันตลาดและคู่แข่งในตลาด ไม่ว่าจะเป็นการบริการ BS-Thaipost และ BS-CLM และ BS-Marketplace แต่เวลานี้เราจัดกระบวนทัพใหม่ในแต่ละหน่วยธุรกิจให้เกื้อหนุนกันและกัน บริการต่างๆที่มีอยู่ในมือจะถูกนำมาปรับให้เป็นหน่วยธุรกิจอยู่ภายใต้ระบบนิเวศเดียวกัน ทุกหน่วยธุรกิจต้องเอื้อและเสริมกำลังกันหนุนให้เราได้ประโยชน์จากธุรกิจตัวเองให้มากที่สุด
“จากเดิมที่เราเคยทำการส่งด่วนแล้วมีโชห่วยกระจายสินค้าให้กับร้านค้าส่ง-ปลีก ติดต่อกับโรงงานผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค เราก็เอาสิ่งที่มีในมือเหล่านี้ขยับขยายเป็น“บีเอสเทรดดิ้ง”จากเดิมที่เราเคยช่วยลูกค้าส่งของก็ขยับมาช่วยขายด้วย ณ เวลานี้พอเราคุ้นเคยมากขึ้นก็ขยับมาขายเอง ทำตลาดและหาสินค้าที่มีคุณภาพและราคาเหมาะสมมาขายเอง นั่นหมายความว่าเรากำลังใช้ต้นทุนเก่าในระบบนิเวศเดิมหนุนให้เรามีแหล่งซัพพลายเออร์ต่างๆ และใช้ระบบการขนส่งด่วนที่เข้าถึงบ้านคนแหล่งชุมชนและร้านค้าเกื้อหนุนให้เป็นประโยชน์กับการปรับกระบวนทัพใหม่อย่างมีระบบในแต่ละหน่วยธุรกิจภายใต้ระบบนิเวศเดียวกัน”
ดร.ชุมพล ย้ำทิ้งท้ายว่าเวลานี้เราเกือบเป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซเต็มตัวแล้ว เพราะเรามีตลาดซื้อขายรองรับนั่นก็คือบีเอสเทรดดิ้งจากนั้นเราก็มีการขนส่งของเราเองกับบีเอสเอ็กซ์เพรสเข้ามาตอบโจทย์ ซึ่งทิศทางต่อไปเราจะทำการซื้อขายตลาดออนไลน์ การทำไฟแนนซ์ และการทำดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งนั่นจะทำให้เรามีครบ 5 กลุ่มธุรกิจหลักด้วยกัน
“ระหว่างนี้เราพยายามสร้างระบบนิเวศเดียวกันโดยมีโครงการที่อยู่ในมือประมาณ 25 โปรเจ็กต์เพื่อขับเคลื่อนไปข้างหน้า หากโปรเจ็กต์ไหนลองแล้วมันเวิร์คและเห็นทิศทางเติบโตก็จดเป็นทะเบียนเป็นบริษัทในกลุ่มบีเอสกรุ๊ปเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งจะเป็น Roadmap ที่สร้างการเติบโตอย่างมีระบบให้กับทีมผู้บริหารสู่เป้าหมายการเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอีก5ปีข้างหน้า”