ขนส่งฯ จัดกิจกรรม “เช็กรถก่อนใช้ ครอบครัวปลอดภัย สังคมไทยปลอดฝุ่น” เชิญชวน! เจ้าของรถ ดูแลและตรวจสภาพรถยนต์เบื้องต้นด้วยตนเอง เพื่อร่วมแก้ไขปัญหา PM 2.5 ไม่ให้รถก่อปัญหาควันดำ
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรม “เช็กรถก่อนใช้ ครอบครัวปลอดภัย สังคมไทยปลอดฝุ่น” เป็นการรณรงค์และเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้เจ้าของรถส่วนบุคคลทุกคัน เพื่อให้ประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ลดปริมาณควันดำจากผงเขม่าสีดำขนาดเล็กที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ด้วยการบำรุงรักษาและหมั่นดูแลเครื่องยนต์ไม่ให้ก่อปัญหาควันดำเมื่อใช้งานบนท้องถนน ตรวจเช็กหัวฉีดและปั๊มหัวฉีดน้ำมันให้อยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งาน โดยสาธิตวิธีการดูแลรักษาเครื่องยนต์ พร้อมแนะนำให้ทำความสะอาดไส้กรองอากาศอย่างสม่ำเสมอ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตกำหนด โดยรถยนต์ที่ใช้งานเป็นประจำจะต้องเปลี่ยนทุกๆ 5,000 กิโลเมตร หรือทุก 3 เดือน
ส่วนรถที่ใช้งานทั่วไปจะต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อขับถึงระยะ 8,000-10,000 กิโลเมตร หรือทุก 6 เดือน ตรวจดูไส้กรองอากาศที่ทำหน้าที่ดักจับฝุ่น ไม่ให้เข้าสู่น้ำมันเครื่องรถยนต์ ตรวจเช็กไส้กรองอากาศรถยนต์โดยควรทำความสะอาดทุกๆ 10,000 กิโลเมตร ชำระล้างสิ่งสกปรกในท่อไอเสียโดยทำการฉีดน้ำเข้าไปทำความสะอาดภายในท่อไอเสีย และตรวจเช็กหัวฉีดและปั๊มหัวฉีดน้ำมันให้อยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งานโดยนำเข้าศูนย์บริการ ทำการตรวจเช็กปั๊มจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้งตรวจเช็กหัวฉีดน้ำมันและเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ชำรุดสึกหรอ รวมทั้งการตรวจเช็กอัตราและจังหวะการฉีดน้ำมันให้ถูกต้องตามบริษัทผู้ผลิตกำหนด
“หากเจ้าของรถไม่บำรุงรักษารถ ย่อมก่อให้เกิดการทำงานของเครื่องยนต์ที่ไม่สมบูรณ์ได้ อีกทั้งพฤติกรรมการขับรถแบบกระชากหรือเหยียบแรงเกินไป การปรับแต่งเครื่องยนต์ ให้มีกำลังม้ามากขึ้น หรือการบรรทุกน้ำหนักเกินสมรรถนะซึ่งต้องใช้กำลังเร่งเครื่องยนต์ ส่งผลให้เครื่องยนต์มีการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ รวมถึงสภาพการจราจรที่ติดขัดที่รถมีจำนวนมากปริมาณค่ามลพิษสะสมในอากาศก็มากขึ้นตามไปด้วยล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดควันดำได้ทั้งสิ้น ซึ่งผู้ขับขี่รถบนท้องถนนสามารถร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เกิดจากเครื่องยนต์ด้วยการใส่ใจกับการบำรุงรักษาเครื่องยนต์และปรับแต่งเครื่องยนต์อย่างเหมาะสมเพื่อการใช้งานอย่างปลอดภัย รวมถึงการปรับพฤติกรรมการขับขี่ที่อาจก่อให้เกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหามลพิษที่เกิดจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5”
ด้าน นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า นอกจากการรณรงค์ให้ประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ด้วยตนเองแล้ว กรมฯ กำหนดมาตรการให้สำนักงานขนส่งทุกแห่งตรวจวัดควันดำรถทุกประเภทที่มาดำเนินการทางทะเบียนและภาษีรถ เช่น การโอนรถ การเปลี่ยนสีรถ เป็นต้น รวมถึงเข้มงวดกำกับ ดูแล สถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ทั่วประเทศ สุ่มตรวจสอบการดำเนินการของ ตรอ. เพื่อให้การตรวจสภาพรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานครบ 7 ปี รถจักรยานยนต์ที่มีการใช้งานครบ 5 ปี ของ ตรอ. เป็นไปตามมาตรฐาน ควบคู่กับมาตรการเข้มงวดตรวจควันดำรถบรรทุกและรถโดยสารอย่างต่อเนื่องทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยให้ดำเนินการเข้มข้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในส่วนภูมิภาค 15 จังหวัดที่เป็นเส้นทางเข้าสู่กรุงเทพมหานคร รวมถึงในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือที่มีค่า PM 2.5 สูงเกินค่ามาตรฐาน โดยมีผลการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 – 1 มีนาคม 2563 ตรวจรถบรรทุกและรถโดยสารทั้งสิ้น 178,523 คัน ตรวจพบรถควันดำเกินเกณฑ์มาตรฐานหรือเกิน 45% ทั้งหมด 2,934 คัน คิดเป็น 1.64 % พ่นห้ามใช้ทันทีพร้อมเปรียบเทียบปรับในอัตราสูงสุด 5,000 บาท
“รถทุกคันที่ถูกพ่นห้ามใช้ ต้องนำรถไปแก้ไขและต้องนำรถเข้ารับการตรวจสภาพ ณ สำนักงานขนส่ง เมื่อผ่านการตรวจสภาพจึงสามารถลบข้อความห้ามใช้ออกและนำรถไปใช้งานได้ โดยในระหว่างที่รถถูกสั่งห้ามใช้ หากมีการฝ่าฝืนใช้รถโดยยังไม่ดำเนินการแก้ไข มีความผิดตามกฎหมาย ปรับสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท และบักทึกประวัติความผิดซึ่งจะมีผลต่อการชำระภาษีรถประจำปี”
: ฟันเหล็ก