นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง(ทล.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ-บ้านฉาง ช่วงพัทยา-มาบตาพุด ระยะทางรวม 32 กิโลเมตรว่า ปัจจุบันงานก่อสร้างแบ่งเป็น 13 ตอน และงานระบบ 1 ตอน ซึ่งขณะนี้ในส่วนของงานก่อสร้างมีความคืบหน้าไปแล้ว 99%
อย่างไรก็ตามในขณะที่งานระบบจะมีการก่อสร้างเชื่อมโยงระบบเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง ระบบควบคุมการจราจร และระบบอำนวยความปลอดภัย โดยมีอาคารเก็บค่าธรรมเนียม 3 แห่ง คือ ด่านฯห้วยใหญ่ บริเวณกิโลเมตรที่ 15+300 ด่านฯเขาชีโอน บริเวณกิโลเมตรที่ 26+375 และด่านฯอู่ตะเภา บริเวณกิโลเมตรที่ 30+250 ซึ่งปัจจุบันงานในส่วนนี้ มีความคืบหน้า 60.32%คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม 2563
สำหรับโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ-บ้านฉาง ช่วงพัทยา-มาบตาพุด เป็นงานก่อสร้างถนนแนวใหม่ มีจุดเริ่มต้นก่อสร้างเชื่อมกับทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 บริเวณทางแยกต่างระดับมาบประชัน ผ่านอำเภอบางละมุง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งจะไปบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 3 บริเวณอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ซึ่งเมื่อโครงการก่อสร้างฯเสร็จสมบูรณ์ทั้งระบบ กรมทางหลวงจะเปิดให้บริการระบบปิดอย่างเต็มรูปแบบ โดยแบ่งกลุ่มอัตราค่าธรรมเนียมตามประเภทรถยนต์ 4 ล้อ ในอัตรา 10 – 130 บาท , รถยนต์ 6 ล้อ ในอัตรา 15 – 210 บาท และรถยนต์มากกว่า 6 ล้อขึ้นไป ในอัตรา 20 – 305 บาท
นายสราวุธ กล่าวว่า ในส่วนของทางเข้า – ออก ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ-บ้านฉาง ช่วงพัทยา-มาบตาพุด จะช่วยให้ประชาชนเดินทางได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น โดยหากใช้เส้นทางด่านฯห้วยใหญ่ จะเชื่อมต่อไปยังถนนสุขุมวิท สามารถเดินทางไปยังหาดจอมเทียน ตลาดน้ำสี่ภาค แต่หากใช้เส้นทางด่านฯเขาชีโอน จะเชื่อมต่อไปยังทางหลวงหมายเลข 331 ไปยังสถานที่สำคัญ อย่างพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ ไร่องุ่นซิลเวอร์เลค และหากใช้เส้นทางผ่านด่านฯอู่ตะเภา จะเชื่อมต่อไปยังถนนสุขุมวิท มุ่งหน้าไปอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
นอกจากนี้เส้นทางดังกล่าวกรมทางหลวงได้ควบคุมการก่อสร้างให้มีมาตรฐานที่สูง สำหรับผิวทางแอสฟัลท์คอนกรีต สภาพความเรียบของผิวทางต้องมีค่าดัชนีความขรุขระสากล (International Roughness Index: IRI) ไม่เกิน 2.0 เมตร/กิโลเมตร สำหรับผิวทางคอนกรีต สภาพความเรียบของผิวทางต้องมีค่าดัชนีความขรุขระสากล (International Roughness Index: IRI) ไม่เกิน 2.5 เมตร/กิโลเมตร
สำหรับทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ-บ้านฉาง ช่วงพัทยา-มาบตาพุด นับเป็นเส้นทางที่สายหลักที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ซึ่งจะช่วยส่งเสริมทั้งในภาคธุรกิจการค้าและการท่องเที่ยว ด้วยแนวเส้นทางที่เชื่อมโยงกับท่าเรือแหลมฉบัง นิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงการขนส่งทางรถไฟ และการขนส่งทางอากาศ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายโลจิสติกส์ของประเทศ เพื่อพัฒนาไปสู่การเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของภูมิภาคอาเซียน