กลายเป็นปมร้อนขึ้นมาทันทีหลังปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) “จตุพร บุรุษพัฒน์” เตรียมใช้ยาแรงแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 โดยจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบภายในสัปดาห์หน้าเพื่อเปิดไฟเขียวให้สตช.ออกข้อกำหนดห้าม “รถใหญ่” วิ่งถนนวงแหวนกาญจนาภิเษกในวันคี่โดยเด็ดขาด
สำหรับวันคู่อนุญาตให้วิ่งแค่เวลา 10.00 -15.00 น.โดยจะยกเว้นรถบรรทุกอาหารสดเท่านั้น ซึ่งมาตรการนี้จะมีผลบังคับระยะเวลา 2 เดือนสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2563 นี้ เผยค่าฝุ่น PM 2.5 จำนวนกว่า 72% มาจากยานพาหนะเป็นรถบรรทุกกว่า 20% รถกระบะ 20% ภาคอุตสาหกรรม 18% ส่วนที่เหลือมาจากรถยนต์ประเภทอื่นๆ
ล่าสุด นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากมาตรการที่ภาครัฐเตรียมห้ามสิบล้อวิ่งถนนวงแหวนกาญจนาภิเษกในวันคี่นั้น ย่อมเกิดผลกระทบต่อผู้ประกอบการขนส่งแน่นอน แต่เราจะทำยังไงได้ก็ต้องปฏิบัติตามแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะเป็นมาตรการระยะสั้นก็ตามแต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เช่นกัน เพราะการขนส่งวัสดุก่อสร้างและสินค้าบางประเภทจะไม่สามารถขนส่งไปยังจุดหมายปลายทางตามเวลาได้ อาจจะทำให้การจราจรกรุงเทพฯ เป็นอัมพาตได้ในการขนส่งสินค้า
“เรายินดีปฏิบัติตามแต่ไม่รับรองผลกระทบที่จะตามมา เพราะสินค้าหลักๆ นอกจากจะไม่สามารถส่งตามเวลาได้ มันยังส่งผลกระทบด้านจราจรอีกช่องทางหนึ่งด้วย เพราะรถบรรทุกไม่มีที่จอดรถ ที่ผ่านมารถบรรทุกกลายเป็นจำเลยสังคมเสมอมา ถูกมองเป็นตัวการสร้างฝุ่น PM2.5 ทั้งๆ ที่รถบรรทุกทุกคันที่เป็นสมาชิกสหพันธ์ฯ มีการตรวจสภาพตามกฎหมาย และใช้น้ำมัน B20 ตามนโยบายรัฐอยู่แล้ว”
ทั้งนี้ ภาครัฐไม่เคยเรียกทางสหพันธ์ฯ และสมาคมขนส่งต่างๆ เข้าไปประชุมขอความคิดเห็นเลย หากจะบังคับมาตรการอะไรออกมาได้โปรดเชิญพวกผมเข้าไปสะท้อนมุมมองและปัญหาบ้าง พวกเราจะได้อธิบายให้ฟังว่ามันมีข้อจำกัดอะไรบ้าง
“ไม่ใช่มานั่งเทียนแล้วมาคิดมาบอกรถสิบล้อคือต้นตอปัญหาเป็นยักษ์เป็นมาร ผมบอกตรงๆ พวกเราเสียความรู้สึก พวกเราทำอาชีพสุจริต พอเกิดมลภาวะขึ้นมาก็มาโทษแต่รถบรรทุก ภาครัฐเอาข้อมูลมาจากไหนมาเป็นข้อพิสูจน์ว่ารถบรรทุกเป็นตัวการกระจายฝุ่น PM2.5”
ขณะที่ ดร.ชุมพล สายเชื้อ นายกสมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย (TTLA) กล่าวว่าผลกระทบที่ตามมาจากมาตรการนี้มีแน่นอน โดยระดับผู้ประกอบการขนส่งพอเขาไม่ได้วิ่งงานและส่งงานไม่ทันแล้วโดนค่าปรับ ตรงนี้ใครจะไปเยียวยาพวกเขา แล้วภาครัฐได้หามาตรการเยียวยารองรับตรงนี้ไว้แล้วหรือยัง
“ระดับกลุ่มรถขนส่งก็อยากถามภาครัฐกลับว่าทำไมต้องเป็นกลุ่มรถสิบล้ออย่างเดียวทั้งที่บนท้องถนนรถทุกประเภทก็ล้วนแล้วก่อให้เกิดฝุ่นด้วยกันทั้งนั้น แล้วมาห้ามรถบรรทุกประเภทเดียวมันเป็นธรรมแล้วใช่มั้ย มันเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ ก็ต้องห้ามวิ่งวันคี่รถทุกประเภทเป็นมาตรฐานเดียวกัน ทุกคนในสังคมต้องมีส่วนในร่วมกับการรับผิดชอบและร่วมกันแก้ไข”
ส่วนระดับภาครัฐเห็นแต่ออกมาตรการแต่เรื่องจำกัดการวิ่งรถบรรทุก ไม่เห็นมีมาตรการแก้ไขในต้นตอปัญหาอื่นๆ เลย ทำไมมีแค่มาตรการเรื่องรถอย่างเดียว ภาครัฐต้องออกมาตรฐานเข้มงวดในส่วนอื่นๆ ที่เป็นต้นเหตุด้วย ไม่ว่าจะเป็นโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ภาคการก่อสร้าง และการเผาขยะในที่โล่งแจ้ง ต้องทำคู่ขนานกันไปการแก้ปัญหาจึงจะสัมฤทธิ์ผลได้
อย่างไรก็ดี เมื่อเป็นเช่นนี้ภาครัฐต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ว่าเป็นการเลือกปฎิบัติหรือไม่ ถ้าจะเอาให้เห็นผลเป็นแบบอย่างและเป็นธรรมจริงๆ บรรดารถท่านรัฐมนตรีทั้งหลายในฐานะผู้นำและเป็นผู้ออกกฎก็ต้องหยุดวิ่งวันคู่หรือวันคี่ด้วย ให้ท่านเลือกเลยจะเอาวันไหนคู่หรือคี่ ต้องเป็นมาตรฐานเดียวกันไม่ใช่การเลือกปฏิบัติแบบนี้
“เอาล่ะเมื่อจะห้ามสิบล้อกลุ่มเดียววิ่งวันคี่ พวกเราเสียสละได้แต่ขอภาครัฐช่วยมาเยียวยาพวกเราด้วย ทุกคนได้ประโยชน์หมดได้วิ่งทั้งวันคู่วันคี่ แต่สิบล้อเป็นกลุ่มเดียวที่เสียสละวิ่งแค่วันคี่ กับผลกระทบที่เกิดขึ้นภาครัฐต้องมาช่วยเยียวยากับประโยชน์ที่พวกเราเสียไปด้วย”