หลังจาก “ถนนพระราม 2” ได้ขึ้นชื่อว่ารถติดเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทย และมีการก่อสร้างที่ได้ชื่อว่า “โครงการเจ็ดชั่วโคตร” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ได้ลงพื้นที่เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2562 ที่ผ่านมา และได้สั่งการให้ผู้เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาจราจรติดขัด โดยกรมทางหลวง (ทล.) ได้บูรณาการร่วมกับฝ่ายปกครอง ตำรวจ ผู้ประกอบการขนส่ง และภาคประชาชนเพื่อทำแผนงานจัดการจราจร รวมทั้งวอนให้กลุ่มรถบรรทุกงดวิ่งในชั่วโมงเร่งด่วน เพื่อให้รถเล็กออกไปทำงานและส่งลูกส่งหลานไปร่ำเรียนก่อน
ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่ผ่านมา “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ได้ควงแขน 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม “อธิรัฐ รัตนเศรษฐ” และ “ถาวร เสนเนียม” พร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหาจราจรจากโครงการปรับปรุงทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 35 (ถนนพระรามที่ 2) ตอนทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน-เอกชัย ตอน 3 บริเวณกิโลเมตรที่ 17+900 (ทางเข้าวัดพันท้ายนรสิงห์) อีกครั้ง โดยมี “สมคิด จันทมฤก” ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร “วุฒิพงษ์ สุภัควนิช” นายอำเภอเมืองจังหวัดสมุทรสาคร และคณะทำงานบริหารจัดการแก้ไขปัญหาการจราจรบริเวณพื้นที่ก่อสร้างบนถนนพระรามที่ 2 คอยต้อนรับพร้อมให้ข้อมูลต่างๆ
“ศักดิ์สยาม” เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ เบื้องต้นการแก้ไขปัญหาดีขึ้นกว่าครั้งก่อน สามารถลดปัญหารถติดสะสมจาก 2 กม.เหลือ 400 เมตร และรถสามารถเคลื่อนตัวได้ แต่ก็ยังไม่พอใจเพราะแก้ไปได้ 75% ยังเหลืออีก 25% เป้าหมายต้อง 100% เชื่อว่าต้องทำได้ดีกว่านี้ โดยกรมทางหลวงจะเร่งก่อสร้างจุดที่เป็นคอขวดให้เสร็จในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะทำให้การจราจรคล่องตัวมากกว่านี้
สำหรับการลดปริมาณยานพาหนะบนถนนที่มีมากกว่าวันละ 200,000 คันนั้น เบื้องต้นได้หารือกับกลุ่มผู้ประกอบการภาคขนส่งและรถบรรทุกแล้ว โดยจะปรับรูปแบบการขนส่งจากทางถนนเป็นทางน้ำแทน โดยใช้แพขนานยนต์ (เรือ row-row) เพื่อนำรถบรรทุกลงเรือแล้วไปขึ้นที่ท่าเรือปลายทางในภาคใต้ แทนการขนส่งทางถนน โดยเรือ 1 ลำสามารถบรรทุกได้ 180 คัน จากแผนในเบื้องต้นนั้น ทางภาคเอกชนมีความพร้อมลงทุนทันที เพราะมีต้นทุนที่ถูกกว่าขนส่งทางถนนในรัศมีมากกว่า 200 กม. และแก้ปัญหาจราจรไปพร้อมกันได้
โดยเส้นทางในระยะที่ 1 จะมีการขนส่งรถบรรทุกทางน้ำ ในช่วงบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์-ท่าเรือแหลมฉบัง โดยกระทรวงคมนาคมจะเป็นผู้ดูแลจราจรทางน้ำและการพัฒนาท่าเรือรองรับ ซึ่งทำได้ไม่ยากเพราะใช้ท่าเรือขนาดความลึกของน้ำเพียง 5 เมตร และเส้นทางในระยะที่ 2 คือช่วง จ.สงขลา-ท่าเรือแหลมฉบัง อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีรถบรรทุกบนถนนพระรามที่ 2 ราว 60,000 คันต่อวัน คิดเป็นสัดส่วน 30%
นอกจากนี้ ได้มีข้อสั่งการไปยังกรมทางหลวงว่า ห้ามเปิดหน้างานก่อสร้างทางยกระดับช่วงบางขุนเทียน-มหาชัย ระยะทาง 10 กม. วงเงิน 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 สัญญา ซึ่งปัจจุบันเปิดประมูลได้ตัวเอกชนครบแล้ว จึงสั่งการให้ไปทบทวนขยับเวลาลงนามสัญญาออกไปก่อน โดยตามหลักแล้วต้องก่อสร้างงานถนนพระรามที่ 2 ด้านล่างให้แล้วเสร็จเสียก่อนถึงจะเริ่มโครงการต่อไปได้ คงไม่สามารถทำพร้อมกันไปได้เพราะจะเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ อีกทั้งการก่อสร้างทางยกระดับดังกล่าวจะทำให้สูญเสียช่องจราจรไปอีกฝั่งละ 1 ช่องทาง แม้จะเป็นการก่อสร้างวางเสาหลักบนเกาะกลางถนนคล้ายงานก่อสร้างรถไฟฟ้าก็ตาม
ด้าน “อภิชาติ ไพรรุ่งเรือง” ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กลุ่มผู้ประกอบการภาคขนส่งยินดีเป็นอย่างมากที่รัฐบาลให้ความสำคัญเข้ามาแก้ปัญหา ถือว่าลดปริมาณรถติดสะสมไปเยอะมาก ดังนั้นกลุ่มผู้ประกอบการจึงมีความพร้อมในการลงทุนซื้อเรือ row-row มาใช้ขนสินค้าทางน้ำแทน ในช่วงแรกจะลงทุน 4,000-5,000 ล้านบาท จัดซื้อเรือ 6-7 ลำเข้ามาใช้ขนส่งสินค้าภายในสิ้นปีนี้
อย่างไรก็ดี ขณะนี้มีเอกชนรายใหญ่สนใจเข้าร่วมเยอะแล้ว เพราะต้นทุนขนส่งสินค้าโดยเรือ row-row นั้นประหยัดกว่าขนส่งทางถนน 50% คิดเป็น 3-4 บาทต่อกม. ส่วนต้นทุนขนส่งทางถนนอยู่ที่ 7-8 บาทต่อ กม. คาดว่าเรือลำแรกจะเริ่มเข้ามาภายใน 1-2 เดือนนับจากนี้
…มุมมืด