เมื่อช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทีมข่าว TRANS TIME ได้ติดตามทำข่าวโครงการรถไฟรางคู่ขนาดเบา สายบางนา-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และได้ลงพื้นที่สำรวจตามแนวเส้นทางที่พิมพ์เขียวรถไฟสายดังกล่าวขีดผ่าน พบว่า มีเจ้าของพื้นที่ปักป้ายขายที่ดินโดยรอบเส้นทางเป็นจำนวนมาก และได้ทดลองติดต่อสอบถามไปยังเจ้าของ พบว่า ราคาที่ดินได้ดีดตัวสูงขึ้น
สุดท้ายโครงการฯ ก็เงียบไป แต่การพัฒนาพื้นที่ไม่ได้หยุดนิ่งไปด้วย เพราะที่ดินบริเวณดังกล่าว ได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปมาก เชื่อว่า ปัจจุบันราคาอาจจะพุ่งสูงขึ้นเกินเท่าตัว
ล่าสุด กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้เปิดการประชุมสัมมนาปฐมนิเทศโครงการ สัมมนา Online ผ่านโปรแกรม Zoom Cloud Meeting โครงการงานจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาและวิเคราะห์โครงการรถไฟฟ้ารางคู่ขนาดเบา (Light Rail Transit) สายบางนา-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อแนะนำโครงการ พร้อมทั้งนำเสนอข้อมูล ทบทวนผลการศึกษา รูปแบบรายละเอียด ปัจจัยความเป็นไปได้ และสิทธิประโยชน์ที่ภาคเอกชนให้ความสนใจในการลงทุน พร้อมทั้งรับทราบความคิดเห็น และข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์เพื่อเตรียมพร้อมสู่การประชุมรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชน (Market Sounding) โดยมีผู้บริหาร ข้าราชการ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ประชาชนและสื่อมวลชนเข้าร่วมการสัมมนา
นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันถนนบางนา-ตราด เป็นหนึ่งในทำเลศักยภาพที่มีถนนสายหลักใช้เดินทางสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและภาคตะวันออก นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรมที่ค่อนข้างหนาแน่น แม้ว่าจะมีรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เชื่อมต่อการเดินทางมายังย่านบางนาและ จ.สมุทรปราการ และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ที่เชื่อมสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แต่ในพื้นที่ถนนสายบางนา-ตราด ยังไม่มีรถไฟฟ้าให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ประชาชน
ด้วยเหตุนี้ กรุงเทพมหานคร โดยสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) จึงได้ดำเนินการว่าจ้างที่ปรึกษาดำเนินการศึกษาทบทวนผลการศึกษาและดำเนินการศึกษาวิเคราะห์โครงการรถไฟรางคู่ขนาดเบา สายบางนา-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการเตรียมความพร้อมในการเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน โดยมีขอบเขตการดำเนินโครงการ 1.จัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการ 2.วิเคราะห์ความจำเป็นของโครงการ 3.ดำเนินการจัดทำรายงานหลักของโครงการร่วมลงทุนเพื่อนำเสนอต่อรัฐมนตรีกระทรวงเจ้าสังกัดให้พิจารณา 4.ดำเนินการจัดประชาสัมพันธ์และการทดสอบความสนใจของนักลงทุนภาคเอกชน (Market Sounding)
สำหรับโครงการรถไฟรางคู่ขนาดเบา สายบางนา-สุวรรณภูมิ เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างพื้นที่กรุงเทพฯ และ จ.สมุทรปราการ มีจุดเริ่มต้นโครงการบริเวณสี่แยกบางนา จากนั้นมุ่งไปทางทิศตะวันออก ตามทางคู่ขนานถนนบางนา-ตราด ผ่านทางแยกต่างระดับบศรีเอี่ยม เข้าสู่เขต จ.สมุทรปราการ ผ่านทางแยกต่างระดับกาญจนาภิเษกฝั่งตะวันออก ทางแยกต่างระดับกิ่งแก้ว และบริเวณด้านหน้าโครงการธนาซิตี้ อันเป็นที่ตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงโครงการแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าตามแนวถนนสุวรรณภูมิ 3 และมาสิ้นสุดเส้นทางที่บริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ รวมระยะทาง 19.7 กิโลเมตร รวมทั้งหมด 14 สถานี
โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 จากแยกบางนา-ธนาซิตี้ จำนวน 12 สถานี ระยะทาง 14.6 กิโลเมตร และระยะที่ 2 จากธนาซิตี้-สุวรรณภูมิด้านใต้ จำนวน 2 สถานี ระยะทาง 5.1 กิโลเมตร และมีศูนย์ซ่อมบำรุง 1 แห่ง บริเวณสถานีธนาซิตี้ โดยเบื้องต้นกรุงเทพมหานคร มีแนวคิดในการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้าร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP (Public Private Partnership) เฉพาะระยะที่ 1 ก่อน ส่วนรูปแบบการพัฒนาโครงการ เป็นรถไฟฟ้ารางเบา มีขนาดราง 1.435 เมตร มีระบบควบคุมการเดินรถอัตโนมัติ มีความเร็ว 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้ระยะเวลาเดินทางไป-กลับ 56 นาที คาดว่าสามารถรองรับผู้โดยสารประมาณ 15,000 – 30,000 คน/ชั่วโมง
ทั้งนี้ ภายหลังการสัมมนาครั้งนี้ สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กรุงเทพมหานคร จะรวบรวมข้อมูลความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนนำมาพิจารณาประกอบการศึกษาของโครงการ พร้อมทั้งจะดำเนินการจัดกิจกรรมการสัมมนารับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชน (Market Sounding) และการทดสอบความสนใจของภาคเอกชน (Market Sounding Interview) ในช่วงประมาณเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม 2564 และจะจัดสัมมนาสรุปผลโครงการ ในช่วงประมาณเดือนมกราคม 2565 เพื่อนำเสนอรายละเอียดผลการศึกษาข้อมูลโครงการไปสู่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่โครงการได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง โดยผู้สนใจสามารถติดตามความคืบหน้าและรายละเอียดของโครงการฯ ได้ที่เว็บไซต์ www.lrt-bangna-ppp.com
การที่ กทม. ออกมาตีฆ้องร้องกล่าวครั้งนี้ ส่งผลให้คนรอบพื้นที่ตื่นตัวอีกครั้ง แต่ก็ไม่ทราบว่า การออกมาประชุมครั้งนี้ จะสานต่อโครงการได้สำเร็จหรือไม่ คำถามต่อมาก็คือ รถไฟฟ้า ‘บางนา-สุวรรณภูมิ’ นี้ จะเป็นความจริงหรือความฝัน เพราะเห็นโบรชัวร์นี้มานานมากแล้ว…!!!