ในยุคที่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ (E-commerce) มาแรงแซงทุกโค้ง และมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งจากปี 4 ที่ผ่านมา (2558-2561) มีวงเงินหมุนเวียนจาก 2.2 ล้านล้านบาท เป็น 3.05 ล้านล้านบาท ถือเป็นธุรกิจที่โตวันโตคืนและหอมหวนชวนหลงไหลเป็นที่สุด ส่งผลให้มีผู้เล่นตบเท้าเข้าสู่วงการโลจิสติกส์ไทยอย่างคับคั่ง
แม้จะมีเจ้าตลาดอย่าง “ไปรษณีย์ไทย” และ “เคอร์รี่” ที่เดินหน้าปั๊มเงินเข้ากระเป๋าอย่างมหาศาลในทุกๆ วัน แต่ก็ยังมีผู้เล่นรายใหม่ที่เล็งเห็นช่องว่างของตลาด และพร้อมที่จะเข้ามาทุบหม้อข้าวเจ้าตลาดได้ตลอดเวลา
ล่าสุด กลุ่มบริษัท เบสท์ ที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง “อาลีบาบา” ยักษ์ใหญ่อี-คอมเมิร์ซอันดับต้นๆ ของโลก เข้ามาใช้ไทยเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) โลจิสติกส์ พร้อมเปิดศูนย์บริการ “เอ็กซ์เพรส” ในไทย 4 แห่งรวด โดยวางพื้นที่อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เป็นฮับของกรุงเทพฯ วางพื้นที่จ.ขอนแก่น เป็นฮับภาคอีสาน วางพื้นที่จ.พิษณุโลก เป็นฮับภาคเหนือ และวางพื้นที่จ.สราษฎร์ธานี เป็นฮับภาคใต้
นายเจสัน เคียน ซีอีโอและประธานกลุ่มบริษัท เบสท์ ประเทศไทย และ ผู้จัดการทั่วไป เบสท์ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า จากภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ถือเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) การขนส่งที่ดีที่สุดในภูมิภาคอาเซียน และสามารถขนส่งข้ามประเทศอย่างสะดวกและรวดเร็ว ทางบริษัทฯ จึงวางประเทศไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่จะได้ใช้บริการ “เบสท์ เอ็กซ์เพรส” ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัยในราคาที่ไม่แพง
สำหรับแผนการลงทุนในไทยนั้น เบื้องต้นได้วางแผนดำเนินการ 5 ปี (2561-2565) โดยจะใช้งบลงทุนประมาณ 5,000 ล้านบาท ในการสร้างจุดกระจายสินค้า ฮับโลจิสติกส์ และลงทุนเทคโนโลยี ระบบที่ใช้เครื่องมือ คอมพิวเตอร์ เชื่อมต่อการวิเคราะห์ข้อมูลการบริการ (Machine) ในการทำงานเป็นหลัก
ส่วนเป้าหมายแรกนั้น ภายในปี 2562 จะขยายศูนย์บริการโลจิสติกส์แบบแฟรนไชส์ จากปัจจุบัน 4 ศูนย์บริการฯ และ 72 หน้าร้านรับ-ส่งสินค้า เป็น 500 ศูนย์บริการฯ และ 1,000 หน้าร้านรับ-ส่งสินค้า ทั้งนี้ ยังจะมีการเพิ่มรถขนส่งอีกด้วย จากปัจจุบันมีรถปิกอัพคอยบริการจุดบริการละ 5 คัน และมอเตอร์ไซค์ 10-20 คัน รวมทั้งสิ้นประมาณ 100 คัน ถ้ามีแฟรนไชส์ครบ 1,500 แห่ง จะมีรถไว้บริการประมาณ 10,000 คันขึ้นไป
“เราไม่ได้เข้ามาในวงการนี้เพื่อแข่งกับใคร จะขอแข่งกับตัวเองดีกว่า แต่ใน 1 ปีนี้ จะขอเป็นผู้นำในธุรกิจในด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด และใน 1 วัน จะมีการส่งสินค้าประมาณ 150,000 ชิ้น และในปี 2562 จะทำให้คนไทยรู้จักบริการของเบสท์ เอ็กซ์เพรส เพิ่มมากขึ้นจนเป็นที่ประทับใจและกลับมาบริการเบสท์ เอ็กเพรส อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ยังเปิดรับแฟรนไชส์เพิ่มแต่ต้องมีงบลงทุนในการเปิดศูนย์บริการโลจิสติกส์ประมาณ 5 ล้านบาท”
ด้าน นายอมร มีมะโน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ทางบริษัทฯ ได้นำเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามาดำเนินธุรกิจด้วย เพื่อช่วยประหยัดต้นทุน และการให้บริการที่ดี ซึ่งจะช่วยให้ทางบริษัทฯ สามารถแข่งขันได้ในตลาดอี-คอมเมิร์ซ โดยราคาค่าขนส่งจะเริ่มต้นที่ประมาณ 20 บาท เป็นต้นไป
ทั้งนี้ บริษัทเบสท์ ได้นำการให้บริการขนส่งสินค้าที่ดีเยี่ยมเข้าสู่ประเทศไทยเพราะมองว่าไทย ถือเป็นทำเลทองในการขยายการให้บริการของบริษัทเบสท์ออกไปในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยบริษัทเบสท์ ได้เติบโตและสร้างตัวขึ้นมาในฐานะผู้นำด้านอุตสาหกรรมจากการให้บริการที่เน้นคุณภาพและราคาที่จับต้องได้ โดยให้บริการผ่านการใช้เทคโนโลยีชั้นเลิศและเครือข่ายโลจิสติกส์ระดับโลก และไม่ว่าจะเป็นการให้บริการในแง่ใดก็ตามอย่างคลังเก็บสินค้าในต่างประเทศ การขนส่งในระดับนานาชาติ ตลอดจนการขนส่งสินค้าระดับท้องถิ่น เบสท์ จะให้บริการแนวทางการแก้ปัญหาอย่างไร้รอยต่อ ผ่านการผสมผสานทางด้านนวัตกรรมของเทคโนโลยี ซัพพลายเชน และการขนส่งพัสดุ โดยขณะนี้ เบสท์ ได้ให้บริการรวม 15 ประเทศทั่วโลกอย่างในสหรัฐฯ เยอรมนี ออสเตรเลีย สหราชอาญาจักร จีน และอินเดีย
“บริษัทฯ เติบโตและรักษามาตรฐานของบริษัทในฐานะผู้จัดหาการให้บริการด้านซัพพลายเชนแบบบูรณาการแถวหน้าของโลก ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับความสามารถของ IT และ R&D โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะพัฒนาแนวทางแก้ปัญหาด้านโลจิสติกส์ให้ดีขึ้น เพื่อช่วยผลักดันให้บริษัทไทย ก้าวไปสู่ระดับโลก จึงมั่นใจว่า เบสท์ให้บริการเทคโนโลยีด้านซัพพลายเชนที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยระบบเทคโนโลยีแบบบูรณาการที่ดีเยี่ยม บริการแบบจุดเดียวหรือ one stop service ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กทั่วภูมิภาค สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ”