นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ตรวจราชการ พร้อมมอบนโยบาย รฟม. เดินหน้า Quick Win “คมนาคมเพื่อความอุดมสุขของประชาชน” ยกระดับโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นางสาวณภัทรา กมลรักษา ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง ตรวจราชการ รับฟังข้อคิดเห็นและมอบนโยบายการดำเนินงานแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดยมี นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ รฟม. พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร รฟม. ร่วมให้การต้อนรับ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2566 ณ ห้องประชุมสำนักงาน รฟม.
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมมีนโยบาย Quick Win “คมนาคม เพื่อความอุดมสุขของประชาชน” เป็นแนวทางในการดำเนินงานของหน่วยงานในสังกัด โดยมุ่งเน้นความสุขของประชาชนในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ ความปลอดภัย การให้บริการที่เป็นมาตรฐานสากล และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รฟม. ถือเป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้สังกัดกระทรวงคมนาคม ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของประชาชนในด้านการเดินทาง และการให้บริการระบบคมนาคมขนส่ง โดยได้มอบหมายให้ รฟม. ดำเนินการ ดังนี้
1. สนับสนุนนโยบายของรัฐบาล เรื่อง ค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย โดย รฟม. ควรติดตามประเมินความคุ้มค่าด้านจำนวนผู้โดยสารที่จะเพิ่มมาในระบบเปรียบเทียบกับรายได้ หลังจากดำเนินมาตรการลดค่าโดยสารของรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง) แล้ว และในระยะต่อไปให้กรมการขนส่งทางราง (ขร.) ร่วมกับ รฟม. ศึกษาแนวทางและจัดทำข้อเสนอแนะในเชิงนโยบายที่เหมาะสมสำหรับการกำหนดอัตราค่าโดยสาร โดยอยู่บนพื้นฐานที่ไม่เป็นภาระทางการเงินของภาครัฐในอนาคต ควบคู่กับการจัดทำแผน การเพิ่มประสิทธิภาพในการหารายได้เพิ่มเติม ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวจะต้องเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนผู้ใช้บริการ
2. สนับสนุนให้ รฟม. เสนอขอแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานให้ทันสมัย สามารถพัฒนาภารกิจของหน่วยงานต่อไปได้ โดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ และเป็นช่องทางการเพิ่มรายได้ให้แก่ รฟม. ในอนาคต
3. เร่งรัดการดำเนินการโครงการ/กิจกรรม/การก่อสร้างที่ค้างอยู่ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการและการใช้ประโยชน์ของประชาชนที่รอรับบริการจากภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ รฟม. ควรพิจารณาเร่งรัดการคืนผิวจราจรหรือให้ใช้พื้นผิวจราจรสำหรับกิจกรรมก่อสร้างเท่าที่จำเป็น และไม่กระทบต่อการสัญจรของประชาชนหรือให้กระทบน้อยที่สุด ตลอดจนให้มีการประสานบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในบริเวณพื้นที่ก่อสร้างเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้รถใช้ถนนให้ได้มากที่สุด รวมถึงกำกับดูแลให้มีการลอกท่อระบายน้ำในแนวก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมขังและเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในช่วงฤดูฝน
4. ยกระดับการให้บริการ กระตุ้นให้ประชาชนใช้บริการของ รฟม. เพิ่มมากขึ้น อาทิ พัฒนานวัตกรรมเพื่อสร้างประสบการณ์ในการเข้าถึงข้อมูลและบริการต่าง ๆ ของ รฟม. ให้สอดคล้องกับกระแสโลกยุคปัจจุบันมากขึ้น จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ภายในสถานี เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้บริการทุกกลุ่ม ทุกประเภท สามารถเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม เป็นต้น
5. สนับสนุนการเชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้า ทางเดินคนโดยสาร หรือทางเข้า – ออกสถานีรถไฟฟ้า กับอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการเข้าถึงบริการรถไฟฟ้าของ รฟม.
ทั้งนี้ นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ ได้เน้นย้ำให้ รฟม. ดำเนินการตามแผนงานที่สำคัญของหน่วยงานให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายในกรอบเวลาที่ชัดเจน โดยเร่งรัดการเปิดให้บริการโครงการรถไฟฟ้ามหานคร ช่วงแคราย – มีนบุรี (MRT สายสีชมพู) ให้เร็วขึ้น (จากแผนเปิดให้บริการภายในเดือนมิถุนายน 2567) และยึดถือหลักความพร้อมของงานและความปลอดภัยต่อประชาชนผู้ใช้บริการเป็นสำคัญสูงสุด และมุ่งดำเนินภารกิจของหน่วยงานอย่างสร้างสรรค์ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย พัฒนาโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนเชื่อมโยงการเดินทางกับระบบขนส่งสาธารณะอื่นได้อย่างไร้รอยต่อ เพื่อประโยชน์สูงสุดให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ตลอดจนเป็นหน่วยงานที่สามารถสร้างรายได้พี่งพาตนเองได้เพื่อไม่ให้กระทบต่อภาระการเงินของประเทศ
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวว่า รฟม. พร้อมขานรับนโยบาย และข้อสั่งการของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม โดยเตรียมบูรณาการ การทำงานร่วมกับ รฟท. และธนาคารกรุงไทย จำกัด ในการพัฒนาการเชื่อมต่อระบบ EMV Contactless ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อรองรับการจัดเก็บค่าโดยสารระหว่างรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง ของ รฟม. และรถไฟชานเมืองสายสีแดง ของ รฟท. ในอัตราค่าโดยสาร 2 สาย สูงสุด 20 บาท รวมถึงบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อขับเคลื่อนนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุดไม่เกิน 20 บาท พร้อมกันนี้จะเร่งรัดกำกับการดำเนินงานโครงการในความรับผิดชอบให้มีความก้าวหน้าตามแผนงานเพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนให้ครอบคลุมอย่างทั่วถึง ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
นอกจากนี้ รฟม. ยังนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาพัฒนาบริการต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการ MRTA Smart Parking ระบบบริหารจัดการที่จอดรถอัจฉริยะ ให้ผู้ใช้บริการเข้า – ออก บันทึกส่วนลด ชำระค่าบริการ ตรวจสอบข้อมูลช่องจอดว่างและอื่น ๆ ได้สะดวกยิ่งขึ้น โครงการ Taxi EV พัฒนาระบบ Feeder สำหรับผู้โดยสารรถไฟฟ้าเดินทางถึงที่หมายในชุมชนได้สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่สามารถเรียกรถได้บนแอพพลิเคชัน MRTA Parking โครงการ Smart Pier จัดทำระบบประชาสัมพันธ์ข้อมูลดิจิทัลบริเวณท่าเรือสถานีสะพานพระนั่งเกล้าที่บูรณาการข้อมูลการให้บริการระบบขนส่งสาธารณะทั้งล้อ เรือ ราง เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อการเดินทาง ฯลฯ ซึ่งทุกโครงการข้างต้นจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 25
ทั้งนี้ รฟม. ได้ยึดหลักอารยสถาปัตย์ (Universal Design) เป็นหัวใจสำคัญในการออกแบบก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าเพื่อรองรับผู้ใช้บริการทุกคน ทุกประเภทได้อย่างเท่าเทียม ควบคู่ไปกับการพัฒนานวัตกรรมการออกแบบก่อสร้างตามหลักการ Green Construction ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องนโยบายด้าน “คมนาคม เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น” (Green Transport) ป้องกันและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบ ทั้งในระยะก่อสร้างและระยะดำเนินการ อาทิ การนำปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตต่ำเข้ามาใช้ทดแทนปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์รูปแบบเดิม สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) และโครงการรถไฟฟ้าสายอื่น ๆ ในอนาคต เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทยมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission)