กรมขนส่งฯร่วมกับสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย บริษัท ขนส่ง จำกัด สมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทยและภาคีเครือข่าย แถลงข่าวความร่วมมือหลีกเลี่ยงขนส่งสินค้า-งดใช้รถเปล่าช่วงสงกรานต์ ระหว่าง 11 – 17 เมษายน 2566 และซักซ้อมแนวทางปฏิบัติตามมาตรการเพื่อความปลอดภัยกับผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถโดยสารทั่วประเทศ
(วันที่ 3 เมษายน 2566) เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม 1 อาคาร 1 ชั้น 3 กรมการขนส่งทางบก นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ดร.วสุเชษฐ์ โสภณเสถียร นายกสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย และภาคีเครือข่าย นายสัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด รวมทั้งผู้ประกอบการขนส่งสินค้า ร่วมแถลงข่าวประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งสินค้าให้หลีกเลี่ยงการขนส่งสินค้า และงดการใช้รถที่ไม่มีการบรรทุกสินค้า (รถเปล่า) ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ในระหว่างวันที่ 11 – 17 เมษายน 2566 และขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถโดยสารและรถบรรทุกปฏิบัติตามมาตรการเพื่อความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า เนื่องด้วยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้คาดว่า จะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือเดินทางท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ในกรุงเทพและระหว่างจังหวัดรวม 7.5 ล้านคนต่อเที่ยว ดังนั้นปริมาณยานพาหนะที่ใช้บนท้องถนนจึงมีความคับคั่งและมีโอกาสจะเกิดอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มสูงขึ้น ในวันนี้กรมการขนส่งทางบก จึงร่วมกับสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยและ ภาคีเครือข่าย ขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุกร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันและ ลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนด้วยการหลีกเลี่ยงการขนส่งสินค้า และงดการใช้รถที่ไม่มีการบรรทุกสินค้า (รถเปล่า) รวมทั้งหลีกเลี่ยงการจอดรถทิ้งไว้บนไหล่ทาง ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2566 เพื่อลดโอกาสเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนนและลดปัญหาการจราจร ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้รถ ให้เดินรถได้เฉพาะช่องเดินรถซ้ายสุดเท่านั้น และปฏิบัติตามข้อแนะนำดังนี้
1. กำชับผู้ขับรถให้ขับด้วยความระมัดระวัง ใช้ความเร็วตามกฎหมายกำหนด ให้ผู้ขับรถพักผ่อนอย่างเพียงพอ
มีสภาพร่างกายพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างปลอดภัย และไม่ขับรถเกินชั่วโมงทำงานตามที่กฎหมายกำหนด
2. ตรวจสอบสภาพความมั่นคงแข็งแรงของตัวรถและอุปกรณ์ส่วนควบด้านความปลอดภัยของรถบรรทุก/
รถลากจูง/รถพ่วง ก่อนใช้งานทุกครั้ง
3. ผู้ขับรถบรรทุกต้องมีปริมาณแอลกอฮอล์ในลมหายใจเป็นศูนย์
4. ผู้ประกอบการขนส่งที่มีการติดตั้งระบบ Global Positioning System (GPS) ในรถของตนเอง ให้ติดตามการใช้ความเร็วของรถบรรทุกอย่างต่อเนื่องผ่าน Application DLT- GPS และแจ้งเตือนผู้ขับรถเมื่อพบว่ามีการใช้ความเร็วเกินกำหนด เพื่อร่วมกันป้องกันอุบัติเหตุ สำหรับแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการขนส่งผู้โดยสาร ให้นำรถเข้าตรวจสภาพตามระยะเวลาที่กำหนด ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของตัวรถและอุปกรณ์ส่วนควบด้านความปลอดภัยก่อนใช้งานทุกครั้ง โดยผู้ประกอบการต้องกำชับ ตรวจสอบ และดูแลความพร้อมของพนักงานขับรถ ให้พักผ่อนให้เพียงพอและมีสภาพร่างกายพร้อม ที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างปลอดภัย ไม่ใช้สารเสพติด ปริมาณแอลกอฮอล์ในลมหายใจต้องเป็นศูนย์ และไม่ใช้ความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ทั้งนี้ ผู้ขับรถต้องนำรถเข้าจุดตรวจ Checking Point และจุด Rest Area และห้ามรับ – ส่งผู้โดยสารในเส้นทางที่ไม่ได้กำหนดในใบอนุญาต รวมถึงต้องแจ้งผู้โดยสารปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัย เช่น คาดเข็ดขัดนิรภัยทุกครั้งก่อนออกเดินทาง
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวต่อไปว่า กรมการขนส่งทางบก ได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการขนส่ง ด้วยรถบรรทุกไม่ประจำทาง รถบรรทุกส่วนบุคคล รวมถึงองค์กรด้านการขนส่งสินค้า 28 แห่ง ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนดังกล่าว ประกอบด้วย สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย, สมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย, สมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย, สมาคมขนส่งสินค้านำเข้าและส่งออก, สมาคมขนส่งภาคตะวันออก, สมาคมผู้ประกอบการขนส่งแหลมฉบัง ชลบุรี, สมาคมรถบรรทุกภาคตะวันตก, สมาคมขนส่งสินค้าภาคอีสาน, สมาคมโลจิสติกส์และขนส่งภาคใต้, สมาคมผู้ประกอบการรถบรรทุกน้ำมันแห่งประเทศไทย, ชมรมรถบรรทุกจังหวัดลำปาง, สมาคมผู้ประกอบการขนส่งเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม, สมาคมผู้ประกอบการรถเครน, สมาคมไทยโลจิสติกส์และการผลิต, สมาคมผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ, สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจวัตถุอันตราย, สมาพันธ์โลจิสติกส์ไทย, สมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย, สมาคมโลจิสติกส์และขนส่งไทย, สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย, สมาคมการค้าโลจิสติกส์ไทยแห่งอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง, ชมรมขนส่งสินค้าท่าเรือ แหลมฉบัง, สหพันธ์การขนส่งทางรถบรรทุกแห่งอาเซียน, หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สมาคมตัวแทนออกของรับอนุญาตไทย, สมาคมขนส่งสินค้าจังหวัดตากและผู้ประกอบการขนส่ง
ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกขอขอบคุณ หน่วยงาน สมาคม ชมรมต่างๆ ในความร่วมมือนี้ โดยเชื่อมั่นว่าผู้ประกอบการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุกและรถโดยสาร พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน และส่งมอบถนนที่ปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์นี้