นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นำคณะผู้แทนไทยเยี่ยมชมเขตโลจิสติกส์นครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อศึกษาถึงแนวทางการเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทยและ สปป.ลาว ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและไร้รอยต่อ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม คณะผู้แทนไทย และอุปทูตประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเวียงจันทน์ (นางสาวจิรัสยา พีรานนท์)เยี่ยมชมการบริหารจัดการเขตโลจิสติกส์นครหลวงเวียงจันทน์ ในโอกาสเข้าร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับโครงการเชื่อมต่อทางรถไฟ ช่วงหนองคาย – เวียงจันทน์ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2565 ณ เขตโลจิสติกส์นครหลวงเวียงจันทน์ โดยมี คณะผู้บริหารและพนักงานของบริษัท เวียงจันทน์โลจิสติกส์พาร์ค จำกัด และบริษัท ท่าบกท่านาแล้ง จำกัดผู้เดียว ให้การต้อนรับ ซึ่งคณะผู้แทนไทยประกอบด้วย นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และประธานกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งและแผนการขนส่งและจราจร นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย รวมไปถึง ผู้แทนกระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข และผู้แทนหน่วยงานภาคเอกชนฝ่ายไทย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในนามของรัฐบาลไทยมีความยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาเยือนเขตโลจิสติกส์นครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งถือเป็นโครงการที่มีความสำคัญในการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานและระบบโลจิสติกส์ในการขนส่งสินค้าข้ามแดน รวมถึงเป็นการใช้ประโยชน์จากการเปิดใช้รถไฟลาว – จีน ที่จะช่วยขยายการค้าการลงทุนระหว่างไทย – สปป. ลาว กระทรวงคมนาคม ภายใต้รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมีภารกิจหลักในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการให้บริการด้านคมนาคมขนส่ง โดยการพัฒนาระบบขนส่งอย่างบูรณาการ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกภาคส่วน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน รวมถึงการส่งเสริมความเชื่อมโยงภายในประเทศและระหว่างภูมิภาคที่มุ่งเน้นให้เกิดการเชื่อมโยงและพัฒนาระบบนิเวศในการประกอบธุรกิจระหว่างกัน ซึ่งไทย – สปป. ลาว สามารถเติมเต็มเพื่อเพิ่มพูนผลประโยชน์ร่วมกันในอนุภูมิภาค และในวันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ภาครัฐ และภาคเอกชนของไทยจะได้ร่วมหารือและติดตามความคืบหน้าของโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่จะเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่ายต่อไป
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2565 คณะทำงานศึกษารายละเอียดด้านการคมนาคมเพื่อรองรับการบูรณาการเชื่อมโยงระหว่างไทย ลาว และจีน โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ) ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายไทย เข้าร่วมประชุมหารือกับรัฐมนตรีโยธาธิการและขนส่งและคณะผู้แทนฝ่ายลาว โดยฝ่ายลาวมีความยินดีที่ให้ฝ่ายไทยดำเนินการศึกษาแนวทางการก่อสร้างสะพานแม่น้ำโขงแห่งใหม่ ทั้งในรูปแบบสะพานรถไฟและรถยนต์ โดยทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันพิจารณาผลการศึกษาร่วมกันต่อไป ซึ่งในเบื้องต้นฝ่ายลาวเสนอว่าสะพานรถไฟ และรถยนต์ควรแยกออกจากกัน ทั้งนี้ รฟท. และการรถไฟลาว ได้หารือร่วมกันเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2565 และ 9 สิงหาคม 2565 และมีมติเห็นชอบให้สถานีท่านาแล้ง เป็นสถานีระหว่างประเทศเช่นเดิม โดยการรถไฟลาวจะจัดส่งเจ้าหน้าที่มาอบรม พนักงานขับรถ/พนักงานรักษารถ เมื่ออบรมเสร็จเรียบร้อยแล้วพร้อมการยืนยันการใช้ทางก็จะดำเนินการเปิดเดินรถต่อไป
โดยแผนการเปิดเดินขบวนรถโดยสาร แบ่งเป็น 3 ระยะ รายละเอียดดังนี้
แผนระยะเร่งด่วน (ปี 2566) ขยายต้นทาง/ปลายทางของขบวนรถที่ให้บริการในปัจจุบัน ในฝั่งลาว จากสถานีท่านาแล้ง เป็นสถานีบ้านคำสะหวาด (วันละ 4 ขบวน ไป – กลับ) เริ่มให้บริการกลางปี 2566
แผนระยะกลาง (ปี 2567) ขยายต้นทาง/ปลายของขบวน ในฝั่งไทย จากสถานีหนองคาย เป็น สถานีอุดรธานี (วันละ 4 ขบวน ไป – กลับ) เปิดเดินขบวนรถระหว่าง สถานีนครราชสีมา – บ้านคำสะหวาด (วันละ 2 ขบวน ไป – กลับ)
แผนระยะยาว (ปี 2568 เป็นต้นไป) จัดเดินขบวนรถโดยสารทางไกล ระหว่างสถานีบางซื่อ/พัทยา – สถานีบ้านคำสะหวาด (วันละ 2 ขบวน ไป – กลับ)
โดย รฟท. และการรถไฟลาว ได้หารือร่วมกัน เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2565 เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการเปิดเดินรถเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2565 ในประเด็นการติดตั้งระบบจำหน่ายตั๋วในฝั่งลาว
การให้บริการขนส่งสินค้า ณ เวียงจันทน์โลจิสติกส์ปาร์ค ท่าเรือบก (Dry Port) ท่านาแล้ง โครงการเวียงจันทร์โลจิสติกส์ปาร์ค (Vientiane Logistics Park : VLP) สำหรับ Dry Port ท่านาแล้ง เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ VLP ที่ประกอบด้วย Dry Port และการสร้างเขตโลจิสติกส์ครบวงจร โดยปัจจุบันได้ดำเนินการแล้วเสร็จในระยะแรก และอยู่ระหว่างก่อสร้างทางรถไฟจากสถานีเวียงจันทน์ใต้ของรถไฟลาว – จีน ถึงท่าเรือบกท่านาแล้ง ระยะทาง 2.8 กิโลเมตร
โครงการเวียงจันทน์โลจิสติกส์ปาร์ค โดยบริษัท สิดทิโลจิสติกส์ จำกัด เป็นบริษัทในเครือ
ปิโตรเทรดดิ้ง ลาว จำกัด (มหาชน) ได้รับสัมปทานระยะเวลา 50 ปีจากรัฐบาล สปป.ลาว ให้เป็นผู้พัฒนาโครงการ VLP ประกอบด้วย
– ท่าเรือบก (Dry Port)
– Export Processing Zone
– Free Trade Zone
– Logistics Park
– Tank Farm
โครงการฯ มีพื้นที่รวม 2,387.5 ไร่ ในบ้านดงโพสี เมืองหาดซางฟอง นครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งอยู่ห่างจากสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 1 ประมาณ 1.5 กิโลเมตร โดยพื้นที่โครงการครอบคลุมสถานีท่านาแล้ง และลานกองเก็บตู้สินค้า (Container Yard : CY) ของสถานีท่านาแล้งด้วย โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะพัฒนา CY ของสถานีท่านาแล้งซึ่งตั้งอยู่ระหว่างสถานีท่านาแล้ง (รถไฟไทย – ลาว) กับสถานีเวียงจันทน์ใต้ (รถไฟลาว – จีน) ให้เป็นท่าเรือบก เพื่อเป็นจุดดำเนินพิธีการศุลกากรและเปลี่ยนถ่ายสินค้าระหว่างสองสถานี โดยบริษัทฯ ได้รับโอนอาคารสถานที่และ CY ของสถานีท่านาแล้งจากรัฐบาล สปป.ลาว เพื่อบริหารจัดการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2564 ในส่วนของการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุกจากฝั่งไทยไปถ่ายลำขึ้นรถไฟลาว – จีน ซึ่งปัจจุบันลาน CY ของสถานีท่านาแล้งสามารถรองรับตู้คอนเทนเนอร์ได้สูงสุดประมาณ 20,000 ตู้ ซึ่งในปัจจุบันปริมาณการขนส่งยังมีไม่มากนัก โดยในแต่ละเดือนมีการขนส่งเฉลี่ยประมาณ 2,000 ตู้ ส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภทปุ๋ย และสินค้าเกษตร โดยบริษัทฯ จะก่อสร้างถนนระยะทาง 1.8 กิโลเมตร ซึ่งมีรั้วรอบขอบชิดเพื่อบังคับให้รถบรรทุกวิ่งตรงจากสะพานมิตรภาพไทย – ลาวแห่งที่ 1 ไปผ่านพิธีการศุลกากรในบริเวณท่าเรือบก
ซึ่งในส่วนของการศึกษาดูงานในวันนี้ทางฝ่ายไทยได้เรียนรู้ถึงวิสัยทัศน์ของ สปป.ลาว ที่วางยุทธศาสตร์ว่าจะเปลี่ยนจากประเทศ Landlocked ให้เป็น Land-Linked ผ่านนโยบาย Lao Logistics Link (LLL) ที่จะเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ระหว่างประเทศไทยกับจีนและเวียดนามผ่านเครือข่ายระบบการขนส่งทางถนนและทางรางซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าและGDP ของ สปป.ลาวอย่างยั่งยืน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการค้าการการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรม การได้รับทราบถึงแนวทางและวิสัยทัศน์ของ สปป. ลาว ในวันนี้จะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนารูปแบบความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย รวมไปถึงการพัฒนาการเชื่อมโยงกับโครงการLand Bridge ชุมพร – ระนองให้เป็นรูปธรรมอันจะสามารถสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศให้เป็นไปอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนสืบไป