การขับเคลื่อนระบบคมนาคมขนส่งของกระทรวงคมนาคม ภายใต้นโยบายรัฐบาลซึ่งมุ่งยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง สร้างการเดินทางที่สะดวก ปลอดภัย ลดภาระประชาชน และวางโครงสร้างพื้นฐานสมัยใหม่ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่ศูนย์กลางคมนาคมของภูมิภาค
นี่คือก้าวต่อไปของกระทรวงคมนาคม ในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ลดภาระแก่ประชาชน ให้คนไทยเดินทางได้สะดวกขึ้น ประหยัดขึ้น และปลอดภัยขึ้น โดยคำนึงถึงความรวดเร็วและเร่งดำเนินการให้สำเร็จ เป็นรูปธรรม แนวทางการพัฒนาด้านคมนาคมขนส่งและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ครอบคลุมทั้ง “ทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ” มุ่งเน้นการสร้างระบบการเดินทางที่เชื่อมโยงทุกมิติ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ลดต้นทุนการใช้ชีวิต และสร้างโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจให้กับประเทศในระยะยาว โดยแบ่งแผนในการดำเนินการออกเป็น 3 ส่วน สำคัญ ดังนี้

ส่วนที่ 1 : แก้ปัญหาเร่งด่วนลดภาระประชาชนทันที
โดยเริ่มทันทีคือขยายมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ครอบคลุมทั้งสายสีแดงและสายสีม่วงต่อเนื่องถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายการเดินทางประจำวันให้แก่ประชาชน พร้อมกันนี้ กระทรวงคมนาคมยังเข้มงวดตรวจสอบความปลอดภัยในทุกโครงการก่อสร้าง และยกระดับคุณภาพบริการทุกระบบการเดินทาง ทั้งบก ราง น้ำ และอากาศ ให้เชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ นอกจากนี้ จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ กระทรวงคมนาคมยังสั่งการให้กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และกรมเจ้าท่า ลงพื้นที่เฝ้าระวัง เร่งแก้ไขน้ำท่วมขัง เปิดเส้นทาง และกำจัดสิ่งกีดขวาง เพื่อไม่ให้ประชาชนต้องเผชิญความลำบากในการเดินทาง
ส่วนที่ 2 : เร่งโครงการใหญ่ (Quick Win)
ในปี 2569 ประชาชนจะได้เห็นผลลัพธ์เป็นรูปธรรมจากหลายโครงการสำคัญ เช่น
การเปิดใช้ถนนพระราม 2 ระยะทางรวมกว่า 16 กิโลเมตร ซึ่งจะช่วยคลายปัญหารถติดบนเส้นทางสายหลักสู่ภาคใต้ กำหนดเปิด 2 ช่วง คือ ระยะที่ 1 ทางต่างระดับบางขุนเทียน-เอกชัย ระยะทาง 8.3 กิโลเมตร ภายในเดินตุลาคม 2568 และระยะที่ 2 เอกชัย-บ้านแพ้ว ระยะทางรวม 16.3 กิโลเมตร จะเร่งเปิดใช้บริการก่อนเทศกาลสงกรานต์ ปี 2569 การเปิดใช้มอเตอร์เวย์ M81 (บางใหญ่-กาญจนบุรี) ในเดือนตุลาคม ปี 2568 และ M6 (บางปะอิน-โคราช) ในต้นปี 2569 รวมถึงสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) ที่จะเปิดประตูการค้าการลงทุนชายแดน การเดินหน้าและการท่องเที่ยว ระหว่างประเทศไทยและ สปป. ลาว นอกจากนี้ ยังเร่งรัดผลักดันรถไฟทางคู่ ชุมพร-สุราษฎร์ฯ, สุราษฎร์ฯ-หาดใหญ่ และหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ที่จะช่วยขนส่งคนและสินค้าได้สะดวกยิ่งขึ้น พร้อมเดินหน้าโครงการทางพิเศษกะทู้-ป่าตอง และถนนแนวใหม่ไปสนามบินภูเก็ต เพื่อแก้รถติดและรองรับการท่องเที่ยว การนำรถเมล์ไฟฟ้า (EV Bus) มาใช้แทนรถร้อน ลดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมและเพิ่มคุณภาพบริการในเมืองใหญ่ ทุกโครงการถูกออกแบบเพื่อแก้ปัญหาที่ประชาชนเจอจริง และสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นได้ในระยะเวลาไม่นาน
ส่วนที่ 3 : วางรากฐานอนาคตประเทศไทย
นอกเหนือจากการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและโครงการเร่งด่วน รัฐบาลยังเดินหน้าวางรากฐานเพื่ออนาคตของประเทศ ได้แก่ โครงการ Landbridge ที่จะเชื่อมทะเลอันดามัน-อ่าวไทย ด้วยราง ถนน ท่อ และท่าเรือ เพื่อผลักดันไทยสู่ศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค รถไฟสายใหม่และความเร็วสูง เช่น กรุงเทพฯ-โคราช, ขอนแก่น-หนองคาย, บ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม, เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ซึ่งจะเปลี่ยนโฉมการเดินทางทั่วภูมิภาค การเร่งขยายรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งสายสีส้ม สีม่วง และต่อขยายสายสีแดง ทั้งฝั่งเหนือและตะวันตก เพื่อรองรับการเดินทางในเมืองใหญ่ การเพิ่มศักยภาพของสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และเชียงใหม่ เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารและการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่อง การสร้างสะพานเกาะลันตา และสะพานเชื่อมทะเลสาบสงขลา เพื่อย่นระยะเวลาเดินทางและเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ รวมถึงการปรับปรุงกฎหมายคมนาคมให้ทันสมัย รองรับเทคโนโลยีและรูปแบบการเดินทางใหม่ ๆ ในอนาคต
“คมนาคมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี”
นโยบายคมนาคมครั้งนี้ไม่ใช่แค่การสร้างถนน รถไฟ หรือสนามบิน แต่คือการสร้างอนาคตที่ประชาชนทุกคนสามารถเดินทางได้สะดวก ปลอดภัย ลดค่าใช้จ่าย และคุณภาพชีวิตดีขึ้น ขณะเดียวกัน ประเทศไทยยังจะยืนหยัดอย่างแข็งแรงบนเวทีเศรษฐกิจโลก กระทรวงคมนาคมมุ่งมั่นให้ทุกโครงการที่ขับเคลื่อนจะต้องทำได้จริง และประชาชนต้องได้ประโยชน์จริง