นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บริษัท บ้านปู จํากัด (มหาชน) และบริษัท บ้านปู เน็กซ์ จํากัด กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นโปรเจกต์ระดับแฟลกชิพที่ทั้ง 3 องค์กรต้องการยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตเรือให้มีศักยภาพทัดเทียม นานาชาติ ผลักดันให้ทุกภาคส่วนหันมาใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น และร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสู่ Green Tourism
โดย บ้านปูเน็กซ์ บริษัทลูกของกลุ่มบ้านปูฯ ในฐานะผู้ให้บริการพลังงานสะอาดชั้นนําในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่มุ่งขับเคลื่อนองค์กรให้ เติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter ได้สนับสนุนงบประมาณ และนํานวัตกรรมความรู้ด้านเทคโนโลยีพลังงานมาใช้ ในการผลิตเรือท่องเที่ยวไฟฟ้าทางทะเลลําแรกของไทย โดยนําแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (LiB) ขนาด 625 กิโลวัตต์ชั่วโมง จากบริษัท ดูราเพาเวอร์1 เครือข่ายพันธมิตรที่บ้านปูเน็กซ์เข้าไปร่วมลงทุน มาใช้กับเรือลํานี้ ซึ่งเป็นแบตฯ ที่มีประสิทธิภาพสูง ได้รับเครื่องหมายกา รันตีคุณภาพ และสิทธิบัตรต่างๆ ในระดับสากลกว่า 40 ใบ

บ้านปูเน็กซ์ยังติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าบริเวณท่าเทียบเรืออ่าวปอ จ. ภูเก็ต และนําระบบบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management System) มาใช้ควบคุมการผลิต ส่งจ่าย และใช้พลังงานบนเรือให้มี ประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมรวบรวมข้อมูลจากระบบดังกล่าว มาใช้ตรวจสอบการทํางานของเรือ วางแผนการบริหารจัดการพลังงาน และ การซ่อมบํารุง รวมถึงนําข้อมูลการใช้พลังงานจากระบบแพลตฟอร์มที่ทํางานร่วมกับเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตออฟติงส์ (Internet of Things – IoT) มาพัฒนาและออกแบบการใช้พลังงานให้ตรงกับความต้องการและเหมาะสมกับการใช้งานของลูกค้าแต่ละรายต่อไปใน อนาคต ล่าสุดเตรียมสานต่อความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ พัฒนาเรือท่องเที่ยวไฟฟ้าลําที่ 2 ชูนวัตกรรมการใช้พลังงานสะอาดแบบครบ วงจร โดยจะเสริมฟังก์ชันในการผลิตพลังงานสะอาด ด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนดาดฟ้า เพื่อนําพลังงานไฟฟ้ามากักเก็บ และใช้ บนเรือลํานี้ คาดว่าจะผลิตแล้วเสร็จภายในปีหน้า”
นายนําชัย สกุลฎ์โชคนําชัย ประธานกรรมการบริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่ น จํากัด กล่าวว่า จากการร่วมมือกันแบบบูรณาการ ระหว่างสกุลฎ์ซี บ้านปูเน็กซ์ กรมเจ้าท่า สํานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) รวมถึงนักวิจัยไทยทุกคนที่ ร่วมกันพัฒนาเรือท่องเที่ยวไฟฟ้าทางทะเลลําแรกในประเทศไทยให้สามารถก้าวข้ามจากการทดลองเรือต้นแบบสู่การแข่งขัน เชิงพาณิชย์ได้อย่างเต็มรูปแบบ
ความท้าทายของโปรเจกต์นี้ คือ การผลิตเรือท่องเที่ยวไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของภูเก็ต พัชทรีทัวร์ กรุ๊ป ได้ครบถ้วนในราคาที่เหมาะสม พร้อมระบบขับเคลื่อนที่ได้มาตรฐานระดับสากล โดยสกุลฎ์ซีได้ออกแบบโครงสร้างเรือ ให้มีพื้นที่ใช้สอยที่ตอบโจทย์ด้านการบริการนักท่องเที่ยว ออกแบบจุดวางแบตเตอรี่ให้อยู่กลางลําเรือ (Design Balancing) เพื่อรองรับ การสั่นสะเทือนจากเหตุการณ์ต่างๆ มีการใช้เทคโนโลยีการประกอบเรือแบบไร้รอยต่อ รวมถึงใช้วัสดุ และอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะ เป็น ใช้อะลูมิเนียมเป็นวัสดุหลักของเรือ เพราะมีคุณสมบัติพิเศษ คือ นํ้าหนักเบา เน้นความแข็งแรงทนทาน ไม่เป็นสนิม ปลอดภัย เรือ ไม่จม และประหยัดพลังงาน
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้จึงมีข้อดีกว่าเหล็กซึ่งเป็นวัสดุที่นิยมใช้ผลิตเรือเช่นกัน ใช้มอเตอร์ที่ผ่านมาตรฐาน รับรองจาก IEC2 เลือกใช้สายไฟ และท่อรางแบบที่ใช้สําหรับยานพาหนะทางนํ้าโดยเฉพาะ ทั้งยังวางระบบฉนวนป้องกันการเกิด ประกายไฟ และการลัดวงจร รวมถึงติดตั้งเซนเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิ การแจ้งเตือนความร้อนของแบตเตอรี่ และการควบคุมระบบ ระบายความร้อนของมอเตอร์ชุดขับเคลื่อน เพื่อให้เรือทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งระบบต่างๆ และ เทคโนโลยีที่นํามาใช้ในการผลิต และขับเคลื่อนเรือลํานี้ได้รับการทดสอบโดย สวทช. สําหรับเรือลํานี้มีขนาดความยาว 20 เมตร สามารถขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูงสุด (Top Speed) กว่า 17 นอต (knots) และมีอายุการใช้งานมากกว่า 30 ปี”

นายไชยา ระพือพล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภูเก็ต พัชทรีทัวร์ กรุ๊ป จํากัด กล่าวว่า “จังหวัดภูเก็ต ถือเป็นเมืองที่มีรายได้จาก การท่องเที่ยวเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาเที่ยวจํานวนมาก บริษัทฯ ในฐานะ ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวชั้นนําของภูเก็ต เล็งเห็นโอกาสในการส่งเสริม และสร้างการตระหนักรู้ด้านการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อม (Green Tourism) ที่สอดรับกับนโยบายการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (Responsible Tourism) ของการท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย (ททท.) ด้วยการนําเรือท่องเที่ยวไฟฟ้ามาให้บริการนักท่องเที่ยว เราจึงมองหาองค์กรชั้นนําที่สามารถผลิตเรือท่องเที่ยวที่ ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด 100% ซึ่งบ้านปูเน็กซ์ และสกุลฎ์ซีได้นําความรู้ความเชี่ยวชาญ และเทคโนโลยีต่างๆ มาผสานเข้า ด้วยกัน เพื่อพัฒนาการผลิตเรือให้ตอบโจทย์ธุรกิจของเราได้เป็นอย่างดี ทั้งการรองรับนักท่องเที่ยว ความปลอดภัย ความเป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อม ที่ช่วยลดมลพิษทางอากาศ และเสียง ช่วยคืนความสมบูรณ์ให้กับระบบนิเวศทางนํ้า รวมถึงด้านการลดต้นทุนค่าเชื้อเพลิง และค่าซ่อมบํารุงให้กับบริษัทฯ โดยเรือท่องเที่ยวไฟฟ้าขนาดใหญ่ลํานี้ สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้สูงสุด 90 คน
ขณะเดียวกันยัง ตอบรับมาตรการ Social Distancing ในช่วงการป้องกันการระบาดของ COVID-19 เนื่องจากสามารถจํากัดจํานวนนักท่องเที่ยวได้ อย่างเหมาะสม สะดวกสบาย และไม่แออัด โดยเราจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ เพื่อมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวในรูปแบบ ใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมให้กับนักท่องเที่ยวทุกท่าน ตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป นําร่องในเส้นทางท่องเที่ยวภูเก็ต – อ่าวพังงาเป็นที่ แรก”
“บ้านปูเน็กซ์ คาดการณ์ว่าหากนําเรือท่องเที่ยวเที่ยวไฟฟ้าลํานี้ไปให้บริการนักท่องเที่ยวตามเส้นทางที่กําหนดเป็นระยะเวลา 1 ปี จะ ช่วยลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงได้ถึง 26,250 ลิตร ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ ได้ 69.3 ตัน หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ ถึง 8,700 ต้น3 โดยนอกจากความร่วมมือในครั้งนี้ บ้านปูเน็กซ์ ยังเดินหน้านํานวัตกรรมความรู้ และเทคโนโลยีพลังงานสะอาดที่ทันสมัย ของบริษัทฯ และเครือข่ายธุรกิจของเรา รวมถึงผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนํา เพื่อส่งเสริมทุกภาคส่วนให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ขึ้น (Betterment for all) ซึ่งเราได้วางแผนโรดแมปในการผลิตเรือไฟฟ้าประเภทต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

โดยจากข้อมูลของกรมเจ้าท่า ปัจจุบันมีเรือท่องเที่ยวทางทะเลประมาณ 3,000 ลํา โดย 2,000 ลําให้บริการอยู่ในแถบทะเลอันดามัน และอ่าวไทยใน 4จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต พังงา กระบี่ สุราษฎร์ธานี ดังนั้นบริษัทฯ จึงวางเป้าหมายจะผลิตเรือท่องเที่ยวไฟฟ้าให้บริการครอบคลุมในแถบทะเลอันดามัน และอ่าวไทยครอบคลุมทั้ง 4จังหวัดดังกล่าวนี้ ภายในปี 2568เพื่อรองรับโอกาสเติบโตของอุตสาหกรรมเรือท่องเที่ยวไฟฟ้า สนับสนุน ประสบการณ์การท่องเที่ยวสีเขียวให้กับนักท่องเที่ยว และคนในชุมชนท้องถิ่น ตอบเทรนด์การใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาดในอนาคต และร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาพลังงานของไทยสู่ Energy 4.0” นางสมฤดี กล่าวทิ้งท้าย
*** หมายเหตุบริษัท ดูราเพาเวอร์ โฮลดิ้งส์ จํากัด ธุรกิจจัดเก็บพลังงานของสิงคโปร์ เป็นเครือข่ายพันธมิตรที่บ้านปูเน็กซ์เข้าไปร่วมลงทุน ผู้เชี่ยวชาญด้านการ ออกแบบ ผลิต และติดตั้งระบบแบตเตอรี่จัดเก็บพลังงานแบบลิเธียมไอออน (LiB) สําหรับยานยนต์และระบบไฟฟ้าสํารองต่างๆ มากกว่า 10 ปี