บขส. จับมือ ไปรษณีย์ไทย ร่วมลงนาม MOU พัฒนาธุรกิจรับ – ส่งพัสดุภัณฑ์ กระจายสินค้าแบบ “ฮับทูฮับ” เพิ่มทางเลือกการขนส่งให้กับประชาชน
นายสัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กระทรวงคมนาคม และ ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) ร่วมลงนามในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และ บริษัท ขนส่ง จำกัด เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2566ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 4 อาคารสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร)
นายสัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบทบทวนมติ ครม. เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2502 เรื่องการเดินรถขนส่งต่างจังหวัด จากเดิมให้ บขส. รับภารกิจเฉพาะเดินรถโดยสาร มาเป็นภารกิจด้านการขนส่งผู้โดยสาร และการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ บขส. พิจารณาแนวทางการดำเนินธุรกิจร่วมกับ ปณท. เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล สำหรับเป็นทางเลือกในการให้บริการประชาชน บขส. และ ปณท. จึงได้ร่วมกันพิจารณาหาแนวทางในการพัฒนาธุรกิจรับ – ส่งพัสดุภัณฑ์ เพื่อส่งเสริม สนับสนุนและบูรณาการการทำงานร่วมกัน โดยใช้ประโยชน์จากทรัพยากรและเครือข่ายของทั้งสองหน่วยงานที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ บขส. ได้พัฒนาบริการรับ – ส่งพัสดุภัณฑ์ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ ปัจจุบันมีศูนย์รับ – ส่งพัสดุภัณฑ์หลักอยู่ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) และมีสาขารับ – ส่งพัสดุภัณฑ์ รวมถึงตัวแทนรับ – ส่งพัสดุภัณฑ์ กระจายอยู่ทั่วประเทศ รวม 175 แห่ง สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ ปณท. จะเข้ามาช่วยสนับสนุน บขส. ในการขนส่งสินค้าจากสถานีต้นทางและสถานีปลายทาง และในอนาคตจะมีการขยายความร่วมมือในการให้บริการขนส่งสินค้าไปยังผู้รับสินค้าต่อไป
ด้าน ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปณท. เปิดเผยว่า ความร่วมมือระหว่าง ปณท. และ บขส. จะเริ่มต้นในช่วงเดือนเมษายนนี้ โดย ปณท. จะเป็นผู้นำยานพาหนะเข้าไปรับสิ่งของในสถานีขนส่งผู้โดยสารของ บขส. ซึ่งปัจจุบันได้มีการพัฒนาพื้นที่บางส่วนให้เป็นศูนย์รับฝากพัสดุภัณฑ์ จากนั้นจะนำสิ่งของไปยังศูนย์กระจายสินค้าในภูมิภาคต่าง ๆ มั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้กับทั้งสองฝ่ายได้ โดยเฉพาะจากกลุ่มเป้าหมายหลักอย่างผู้ประกอบการรายย่อยที่ค้าขายทั้งในช่องทางออนไลน์ – ออฟไลน์ และแต่ละรายมีคู่ค้า ที่กระจายอยู่ตามจังหวัดต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังจะทำให้สินค้าถูกนำจ่ายได้อย่างต่อเนื่อง ช่วยลดความกังวลของสินค้าที่ค้างตามศูนย์ต่าง ๆ ได้อีกด้วย
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการดำเนินงานตามแนวคิด Sharing Economy ซึ่ง ปณท. และ บขส. นับเป็นผู้ที่มีความชำนาญด้านเส้นทาง มีเครือข่ายและยานพาหนะที่สามารถรองรับการขนส่งได้ทั่วประเทศ โดยรูปแบบการดำเนินงานจะเป็นการส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์จากศูนย์กระจายสินค้าหนึ่งไปยังศูนย์กระจายสินค้าอีกแห่งหนึ่ง หรือ Hub to Hub และการส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์จากศูนย์กระจายสินค้าหนึ่งส่งมอบให้กับผู้รับปลายทาง หรือ Hub to Door โดยในปี 2566 จะเริ่มต้นด้วยการดำเนินงานแบบแรกคือ Hub to Hub เป็นการนำพัสดุภัณฑ์ที่ฝากส่งกับ บขส. มาส่งผ่านรถยนต์ขนส่งของ ปณท. ไปยังศูนย์กระจายสินค้าต่าง ๆ ในภาพรวมคาดว่าจะมีปริมาณงานขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 350 ชิ้น/เที่ยว (ไป – กลับ) หรือ 10,500 ชิ้น/เดือน สำหรับรถขนส่งของ บขส. 1 คัน และตอบโจทย์กับกลุ่มสินค้าประเภทเกษตรกรรม อาหาร สิ่งของขนาดพิเศษ อีคอมเมิร์ซ และอื่น ๆ ที่ต้องการกระจายและจำหน่ายสินค้าในพื้นที่ทั่วประเทศ