นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมไทยกำลังส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นหลังดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนมิถุนายน 2563 ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ร้อยละ 4.18 ขยายตัวจากเดือนพฤษภาคมที่ระดับ 79.68 มาอยู่ที่ระดับ 83.02 และมีอัตราการใช้กำลังการผลิตขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ร้อยละ 5.48 ขยายตัวจากเดือนพฤษภาคมที่ระดับ 52.34 มาอยู่ที่ระดับ 55.21 เนื่องจากรัฐบาลมีมาตรการต่างๆ เพื่อรักษาสมดุลระหว่างสุขภาพและเศรษฐกิจ
ส่งผลให้เกิดการขยายตัวเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมสินค้าบริโภคที่จำเป็นตามความต้องการของผู้บริโภค เช่น อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม (ไม่รวมน้ำตาล) ที่ยังขยายตัวเพิ่มขึ้น อาทิ ผลิตภัณฑ์ปลาแช่แข็ง ผักและผลไม้กระป๋อง นมผง และเบียร์ เช่นเดียวกันกับผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์และเคมีภัณฑ์รักษาโรค โดยการผ่อนคลายการกิจกรรมต่าง ๆ ที่เพิ่มมากขึ้นผนวกกับดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนมิถุนายนที่กลับมาขยายตัวขึ้นมาจากเดือนก่อนติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2

ถือเป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นถึงการฟื้นตัวของภาคการผลิตอุตสาหกรรม จึงคาดการณ์ได้ว่าภาคอุตสาหกรรมไทยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 นี้จะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว ภายใต้เงื่อนไขว่าประเทศไทยจะไม่มีการระบาดของโควิด-19 รอบที่ 2
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า “คาดว่าสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังจะกลับมาฟื้นตัว โดยเป็นผลจากความร่วมมือรวมใจของคนไทยทั้งประเทศที่พร้อมฟันฝ่าวิกฤตนี้ไปด้วยกัน ทำให้เราสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ในเกณฑ์ที่น่าพอใจเป็นที่ยอมรับและชื่นชมของชาวโลก สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนและนักลงทุน ส่งผลทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง
ประกอบกับการสนับสนุนให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจากมาตรการเงินเยียวยาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของรัฐบาลในส่วนต่าง ๆ ที่คืบหน้าค่อนข้างมาก อาทิ มาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ 5,000 บาท มาตรการเยียวยากลุ่มเปราะบาง 3,000 บาท รวมถึงการผ่อนคลายให้กิจกรรมและกิจการบางประเภทสามารถกลับมาเปิดดำเนินการได้
โดยการผ่อนคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 3 ในวันที่ 1 มิถุนายน ระยะที่ 4 ในวันที่ 15 มิถุนายน และระยะที่ 5 ในวันที่ 1 กรกฎาคม จะช่วยสร้างให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ คืนกลับมา เช่นเดียวกันกับในหลายประเทศโดยเฉพาะกลุ่มเอเชียและอาเซียน อาทิ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เวียดนาม ฯลฯ ได้มีการผ่อนคลายล็อกดาวน์ทำให้ความต้องการสินค้า (โดยเฉพาะอาหาร) จากต่างประเทศเริ่มกลับมาขยายตัวอีกครั้งซึ่งจะส่งผลดีต่อประเทศไทย ทั้งนี้ภาครัฐได้เตรียมดำเนินการตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจงบประมาณ 4 แสนล้านที่จะเร่งฟื้นฟูผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ส่งเสริมการบริโภคในประเทศให้เพิ่มขึ้น สร้างโอกาสให้ประเทศไทยกลับมาฟื้นตัวทางเศรษฐกิจต่อไปได้”

นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า จากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อีกครั้ง ปัญหาทางด้านการขนส่งสินค้าและการขาดแคลนวัตถุดิบได้บรรเทาลง ช่องทางการขายทั้งในและต่างประเทศกลับมาค้าขายได้อีกครั้ง จึงทำให้อุตสาหกรรมหลักของไทยบางประเภทกลับมาขยายตัวอีกครั้ง ได้แก่
อุตสาหกรรมรถยนต์และเครื่องยนต์ ที่กลับมาขยายการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ร้อยละ 27.05 อุตสาหกรรม Hard Disk Drive ขยายการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ร้อยละ 15.35 อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน ขยายการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ร้อยละ 29.80 และอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ขยายการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ร้อยละ 7.39 ทั้งนี้ การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมหลักจะส่งผลให้ค่าเฉลี่ยของดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคมจะมีการขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน (Month-on-Month : MoM) และจะมีการขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนในเดือนต่อไปเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง