กลายเป็นเรื่องหม่าล่า(เผ็ดร้อน)ผ่ากลางใจพี่น้องสิบล้อไปแล้วสำหรับมาตรการปรับเวลาวิ่งสิบล้อเข้ากรุง-ปริมณฑลจากไอเดียสุดบรรเจิดของเสนาบดีคมนาคม “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ”หลังได้หล่นเอาไว้เมื่อครั้งเข้ากระทรวงคมนาคมใหม่ๆ หวังพุ่งชนเป้าหมายลด “ปัญหารถติด-มลภาวะ”ในพื้นชั้นในใจกลางเมืองหลวง
โดยจะอนุญาตให้วิ่งได้เฉพาะเวลา 00.00-04.00 น. เพียงเท่านั้นจากเดิมวิ่งได้ตั้งแต่ 10.00-15.00 น.และจาก 21.00-05.00 น. พร้อมโยนเผือกร้อนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาข้อดี-ข้อเสียแล้วรายงานให้ทราบภายใน 1 เดือนนั้น
จากวันนั้นถึง ณ บัดนาวก็กินเวลาไปแล้วร่วม 7 เดือน แล้วเรื่องหม่าล่าที่เจ้ากระทรวงไล่ลาไปถึงไหนแล้ว!?
กระทั่งวันเสียตัวแห่งชาติ (14 ก.พ.63) รมต.ศักดิ์สยาม ก็ได้แง้มว่าเรื่องนี้ทางสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.)ได้เสนอแนวทางในการบริหารจัดการรถบรรทุกสินค้าแต่ละประเภทให้เดินรถภายในพื้นที่ควบคุม เป็นแนวทางที่รัฐได้ผ่อนผันและปรับลดลงมาแล้วหลังสหพันธ์การขนส่งฯได้ขอให้กระทรวงฯทบทวนนโยบายดังกล่าว
จากนี้ไปทางสนข.จะนำแนวทางที่ได้ทบทวนไปหารือทางสหพันธ์ฯอีกครั้งก่อนจะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.)พิจารณาก่อนมีผลบังคับใช้ต่อไป
ขอจูงมือท่านผู้อ่านที่ทรงเกียรติลองละเมียดไส้ในแนวทางการบริหารจัดการรถบรรทุกสิบล้อแต่ละประเภทที่ทางสนข.ได้ผูกเงื่อน(งำ)เอาไว้กันหน่อยประไรครับว่าที่ท่านรมต.ผู้ทรงเกียรติได้หล่นเอาไว้ มันถูกใจ-โดนใจพี่น้องสิบล้อหรือไม่?อย่างไร?
เปิดปฐมฤกษ์จากรถบรรทุกสินค้าประเภทผักและผลไม้ (ระยะสั้น 1 ปี)จะอนุญาตให้เดินรถเข้ามาได้ถึงบริเวณตลาดไท บนถนนพหลโยธิน และถนนคลองหลวงได้ตลอด 24 ชม. ส่วนระยะกลาง 3 ปี ให้ปรับเป็นรถบรรทุกขนส่งสินค้าที่สอดคล้องกับการขนส่งสินค้ามายังพื้นที่ควบคุม
เข้าใจว่าสิบล้อบรรทุกผักและผลไม้นี้ ภาครัฐจะเปิดไฟเขียวให้วิ่งเข้ามาได้ถึงบริเวณตลาดไทย่านปทุมธานี ซึ่งถือว่าเป็นดงตลาดผัก-ผลไม้ส่งปลีก-ส่งใหญ่ของประเทศ โดยเป็นระยะสั้น 1 ปีที่รัฐบอกยอมผ่อนผันให้ แต่ในระยะกลาง หรือในอีก 3 ปีหน้า ผู้ประกอบการขนส่งต้องปรับตัวและปรับเป็นบรรทุกสินค้าที่สอดคล้องกับการขนส่งเข้ามายังพื้นที่ควบคุม
ถัดมาเป็นรถบรรทุกคอนเทนเนอร์ (ระยะสั้น 1 ปี) อนุญาตให้เข้ามาส่งสินค้าที่ท่าเรือกรุงเทพ บริเวณถนนอาจณรงค์และถนนเกษมราษฎร์ได้ตลอด 24 ชม.โดยให้การท่าเรือฯ เร่งปรับปรุงระบบภายในท่าเรือให้เป็นเทคโนโลยี IT NSW ส่วนระยะยาว 5 ปีนั้นให้ปิดบริการคอนเทนเนอร์ที่ท่าเรือกรุงเทพเปลี่ยนไปขนส่งที่ท่าเรือแหลมฉบังฯทั้งหมด และปรับท่าเรือกรุงเทพเป็นท่าเรือท่องเที่ยว
ประเภทนี้ขยี้ใจสิบล้อคอนเทนเนอร์มาก โดยรัฐจะยอมผ่อนผันเป็นเวลา 1 ปี ให้รถบรรทุกคอนเทนเนอร์ทั้งหลายทั่วทุกสารทิศวิ่งผ่ากรุงมุ่งหน้าสู่ท่าเรือกรุงเทพ ถนนอาจณรงค์ และเกษมราษฎร์ได้ 24 ชม. แต่หลังจากนั้นจะลงดาบจริงแล้ว โดยจะห้ามเข้ามาที่ท่าเรือกรุงเทพเด็ดขาด ไล่ให้ไปลงที่ท่าเรือแหลมฯให้หมด และเนรมิตท่าเรือกรุงเทพให้เป็นท่าเรือเชิงท่องเที่ยว(ว่างั้น)
แหม่ะ!ว่าไงครับพี่น้องสิบล้อ?สุดยอดไอเดียมั้ย?และมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน? แล้วสนข.กระซิบถามการท่าเรือฯหรือยังว่าเห็นดีเห็นงามมั้ย? แล้วการจะไล่ไปลงที่ท่าเรือแหลมฯทั้งหมด ลำพัง ณ ปัจจุบันนี้การจราจรที่ท่าเรือแหลมฉบังก็ “นรกแตก”แล้ว สิบล้อรอคิวส่งของลงของก็หาวเรอรอกันเป็นวันๆแล้วครับท่าน
ไม่อยากจะคิดครับว่ารถบรรทุกคอนเทนเนอร์ไหลมารวมอยู่ที่ท่าเรือแหลมฯกันหมด บอกเลย “ป่าช้าแตก”ครับ!
ปิดท้ายที่รถบรรทุกวัสดุก่อสร้าง (ระยะสั้น 1 ปี) อนุญาตให้รถบรรทุกคอนกรีตผสมเสร็จ วิ่งได้เวลา 10.00-15.00 น.และรถบรรทุกดิน-วัสดุก่อสร้าง วิ่งได้เวลา 22.00-04.00 น. ส่วนระยะกลาง 3 ปี ให้เปลี่ยนรถขนส่งคอนกรีตขนาดใหญ่ มาใช้รถขนส่งขนาดเล็กและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมวิ่งได้ตลอด 24 ชม.
นี่ก็สุดพีคไม่แพ้ตู้คอนฯผ่อนผัน 1 ปีเช่นกันให้สิบล้อคอนกรีตวิ่งเข้ามาได้ในกรุงแต่เฉพาะเวลา 10.00-15.00 น.เท่านั้น ส่วนสิบล้อดินเข้าป่วนได้เฉพาะเวลา 4 ทุ่มถึงตี 4 เท่านั้น ห้ามวิ่งกลางวันโดยเด็ดขาด จากนั้นจะเปิดให้วิ่งสะดวกโยธิน 24 ชม. แต่ต้องเปลี่ยนเป็นรถขนส่งขนาดเล็ก
เป็นไงล่ะครับพี่น้องสิงห์รถบรรทุก? พอไขกระจ่างศาสตร์จากคำชี้แจงความคืบหน้านโยบายสุดล้ำนี้ได้มากน้อยแค่ไหน?
….เรื่องหม่าล่าที่ท่านรมต.คมนาคมไล่ล่าผ่ากลางใจสิบล้อ ฟังดูแล้วก็แทบจะสำลักความเผ็ดร้อนเป็นไฟบรรลัยกัลป์เผาไหม้ป่าดงดิบสิบล้อไทยแล้วล่ะครับท่าน!
:ปีศาจขนส่ง