ภายใต้ปฏิบัติการปูพรมตั้งด่านจับปรับควันดำ “รถบรรทุก-รถโดยสาร”สุดลิ่มทิ่มประตูของกรมการขนส่งทางบก ที่เปิดหน้าทะลุทะลวงไส้แตกทั่วประเทศหวังขานรับนโยบายรัฐบาลในการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นจิ๋วมหาภัย PM2.5 และโค้งคำนับไอเดียสุดบรรเจิดท่านรมว.คมนาคม “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ”ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
สถิติที่น่าทึ่งจากปฏิบัติการสุดเข้มควันดำรถบรรทุกและรถโดยสารทั่วประเทศตั้งแต่ 1 ต.ค.62-2 ก.พ.63 รวมสิริ 4 เดือนยอดตรวจทั้งสิ้น 91,634 คัน พบรถที่มีค่าควันดำเกินเกณฑ์มาตรฐานที่ราชการกำหนดและพ่น “ห้ามใช้” จำนวน 1,622 คัน
สถิตินี้เฉพาะกรมขนส่งฯเท่านั้นยังไม่นับรวมสถิติการจับปรับควันดำของกองบังคับการตำรวจจราจรที่ปูพรมตั้งด่านสุดลิ่มเช่นเดียวกัน โดยสถิติก็ไม่น้อยหน้าและดูจะพอกพูนกว่าสถิติกรมขนส่งฯด้วยซ้ำไป เพราะค่าเฉลี่ยนการตรวจจับรถควันดำในกรุงเทพฯวันละ 500 คัน
โดยรถยนต์ที่ตำรวจเรียกตรวจควันดำและพบว่ามีค่าเกินมาตรฐานกำหนด เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจปรับและสั่งห้ามใช้ชั่วคราว เพื่อให้คนขับหรือผู้ประกอบการแก้ไขปัญหาควันดำภายใน 30 วัน หากฝ่าฝืนก็จะมีคำสั่งห้ามใช้รถเด็ดขาด สำหรับรถกระบะ หรือรถขนส่งขนาดเล็ก จะถูกปรับ 1,000 บาท แต่หากเป็นรถบรรทุก ขนาด 6 ล้อขึ้นไปจะถูกปรับสูงสุด 5,000 บาท
เห็นความขยันขันแข็งกับการตั้งด่านจับปรับควันดำทั้งในส่วนกรมขนส่งฯและกองบังคับการตำรวจจราจร บวกกับสถิติจับปรับในแต่ละวันแล้ว ประชาชนคนจ่ายภาษีทุกเม็ดก็สุดปลื้มปริ่ม ทว่า ก็ดูกังวลพลางอยากถามและอยากรู้เหลือเกินว่า
กับการไล่จับปรับรถควันดำที่รู้กันทั้งโลกว่ามันคือการแก้ปัญหาปลายเหตุ ที่จับปรับกันสนุกสนานกันทุกวันแล้วค่าฝุ่นพิษ PM2.5 มันลดลงบ้างมั้ย?
ประชาชนใคร่รู้จริงๆ…ช่วยตอบทีเหอะจะเป็นพระคุณอย่างสูง!