จากดัชนีราคาค่าขนส่งตู้สินค้าจากท่าเรือเซี่ยงไฮ้ (SCFI) ซึ่งเป็นดัชนีสำคัญที่ผู้ประกอบการโลจิสติกส์มักใช้อ้างอิงในการคำนวณราคาค่าขนส่ง ซึ่งข้อมูลในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน 2565 มีการปรับลดจากสัปดาห์ก่อนหน้ามากถึงร้อยละ 9.72 มาอยู่ที่ระดับ 2,847.62 จุด และลดลงจากจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ซึ่งอยู่ในช่วงต้นเดือนมกราคม 2565 มากถึงร้อยละ 44.27 ถือเป็นการปรับตัวลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 12 ติดต่อกัน
โดยค่าขนส่งตู้ขนาด 40 ฟุตไปยังเส้นทางอเมริกาตะวันตกปรับลดมาอยู่ที่ระดับ 3,959 เหรียญสหรัฐฯ /ตู้ลดลงร้อย ละ 51.23 จากจุดสูงสุดเท่าที่เคยมีมาซึ่งอยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ในขณะที่ค่าขนส่งไปยังเส้นทางอเมริกาตะวันออกก็มาอยู่ที่ 8,318 เหรียญสหรัฐฯ /ตู้ ลดจากจุดสูงสุดในเดือนกันยายน 2564 ร้อยละ 30.54
ข้อมูลจากผู้ประกอบการโลจิสติกส์ของไต้หวัน ระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาค่าขนส่งทางเรือลดลงต่อเนื่องเกิดจากปริมาณสินค้าที่จะขนส่งลดลง เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อทั้งในยุโรปและสหรัฐฯ และ สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ความต้องการในการบริโภคในตลาดลดลง อันมีสาเหตุสำคัญมาจากการที่ค่าใช้จ่ายภาคประชาชนในส่วนของสิ่งจำเป็น เช่น อาหารและพลังงาน มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ความการของผู้บริโภคที่จะซื้อสินค้าที่ ต้องใช้การขนส่ง เช่น เครื่องแต่งกาย เฟอร์นิเจอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ลดลง จึงทำให้ความต้องการใน การขนส่งสินค้าลดลงตามไปด้วย

ในขณะที่ปัญหาภัยแล้งที่ทำให้ต้องจำกัดการใช้ไฟฟ้าและมีการสั่งปิดโรงงาน เป็นเวลา 11 วัน ตั้งแต่วันที่ 15-25 สิงหาคม 2565 ในมณฑลเสฉวนซึ่งถือเป็นฮับการผลิตที่สำคัญของอุตาสหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ รวมไปจนถึงมาตรการล็อคดาวน์ของจีน ทำให้กำลังการผลิตลดลง ซึ่งเดิมที่ส่วนใหญ่คาดการณ์กันว่าจีนจะผ่อนคลายความเข้มงวดในการควบคุมพรมแดนและหลังหมดช่วงล็อคดาวน์จะเกิด กระแสการบริโภคขนาดใหญ่ในปีนี้ แต่เหตุการณ์กลับมิได้เป็นไปดังคาด เพราะจีนยังคงใช้นโยบาย Zero COVID ส่งผลกระทบต่อการผลิตและทำให้ความต้องการในการขนส่งสินค้าลดลงตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ราคาค่าขนส่งทางเรือที่ลดลงทำให้กลุ่มพันธมิตรด้านการขนส่งทางทะเลขนาดใหญ่ต่างก็ทยอยปรับลดจำนวนเที่ยวเรือเพื่อลดอุปทานในตลาดและพยุงราคาค่าขนส่ง ซึ่งกลุ่ม THE Alliance ที่ประกอบด้วย Yang Ming ของไต้หวัน Hapag-Lloyd, Ocean Network Express (ONE) และ HMM ได้ประกาศลดจำนวน เที ่ยวเรือลงร้อยละ 18 ในช ่วงเดือนกันยายนนี้ ในขณะที่กลุ่ม 2M Alliance (Maersk Line, MSC และ SMLine) ก็ประกาศลดจำนวนเที่ยวเรือลงร้อยละ 10 เช่นกัน โดยผู้ประกอบการเดินเรือส่วนใหญ่ต่างก็เตรียม ปรับลดจำนวนเที่ยวเรือในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ด้วย
ที่มา Economic Daily News / Commercial Times
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา