ปัจจุบันบริษัทผู้ให้บริการขนส่งในญี่ปุ่นหลายรายกำลังปรับเปลี่ยน รูปแบบการดำเนินธุรกิจสู่รูปแบบใหม่เพื่อให้ส่งมอบสินค้าให้ผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว Quick Commerce หรือบริการจัดส่งสินค้าโดยทันที ซึ่งมักเป็นบริการการขนส่งอาหาร และสิ่งจำเป็นอื่นๆ ในชีวิตประจำวันให้ผู้บริโภคที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงภายในเวลาไม่เกิน 30 นาที
ขณะที่บางบริษัทก็กำลังดำเนินการเพื่อพัฒนาบริการให้ดียิ่งขึ้นไปอีก อย่างเช่น Yahoo Japan บริษัทธุรกิจขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นได้เปิดตัวบริการ Quick Commerce ในปีที่ แล้วเพื่อจัดส่งสินค้าในเขตเมือง ทั้งนี้ปัจจุบันได้มีการปรับเปลี่ยนศูนย์จัดส่งกระจายสินค้า 3 แห่งให้เป็นร้านค้าที่มีระบบชำระเงินด้วยตนเองได้
ตัวแทนบริษัทได้กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกดูรายการสินค้าได้ด้วยตนเองก่อนตัดสินใจซื้อ นอกจากนี้ บริษัทโฆษณารายใหญ่ Hakuhodo และบริษัทสตาร์อัพในกรุงโตเกียว OniGo กำลังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าที่ใช้บริการ Quick Commerce เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการให้เหมาะสมกับตลาดที่คาดว่าจะเติบโตในอนาคตนี้ โดยเจ้าหน้าที่ของ Hakuhodo ได้เผยว่า ความร่วมมือนี้จะช่วยให้ บริษัทต่างๆ สามารถทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นได้ และสร้างเสริมประสบการณ์การซื้อรูปแบบใหม่ให้ผู้บริโภคด้วย
อย่างไรก็ตาม Quick Commerce อาจจะไม่ใช่แนวคิดการทำธุรกิจรูปแบบใหม่มากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากตลาดอุปโภคบริโภคในญี่ปุ่นซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก บริการ Quick Commerce ยังไม่ได้พัฒนา หรือมีบทบาทเท่าที่ควร และจากพฤติกรรมการบริโภคของผู้บริโภคในญี่ปุ่นที่นิยมไปจับจ่ายที่ร้านสะดวกซื้อ หรือซูเปอร์มาร์เก็ตด้วยตนเอง ด้วยเหตุนี้ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันการซื้อขายสินค้าออนไลน์จะมีบทบาทมากขึ้นมากโดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาดอย่างรุนแรงในไม่กี่ปีที่ผ่านมา

การที่ Z Holdings Corporation หรือ Yahoo Japan (เกิดจากการควบรวมของ Line และ Yahoo ในญี่ปุ่น) ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีในญี่ปุ่น มีความเคลื่อนไหวลงเล่นในธุรกิจ Quick Commerce ลักษณะนี้กันมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็มีผลอย่างมากที่จะทำให้แนวคิดในการเลือกซื้อสินค้า ความรวดเร็ว และ มาตรฐานเวลาที่ต้องรอกว่าจะได้รับสินค้าสำหรับผู้บริโภคในญี่ปุ่นเปลี่ยนไปมาก ถือเป็นแนวโน้มที่ทำให้ ธุรกิจการค้าปลีกในญี่ปุ่นต้องได้รับการจับตามองอย่างใกล้ชิด
กระนั้นตลาด Quick Commerce ในญี่ปุ่นอาจจะยังไม่ได้พัฒนา และขยายตัวอย่างกว้างขวางในญี่ปุ่น หากเทียบกับประเทศอื่นๆ เช่น ประเทศไทย ที่มีผู้ให้บริการจำนวนมาก ทั้ง Grab / Lineman และ อื่นๆ ถึงแม้ว่าญี่ปุ่นก็มีบริการในลักษณะนี้เช่นกัน เช่น OniGo / Wolt / Demaecan / Uber Eats เป็น ต้น แต่ก็ยังมีขอบเขตการให้บริการที่จำกัด ตลอดจนค่าขนส่งก็มีราคาสูง ทำให้ไม่ได้เป็นที่นิยมเท่าที่ควร แต่การที่ผู้เล่นรายใหญ่เข้ามามีส่วนร่วมอย่างเต็มรูปแบบ นับเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองถึงความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคในญี่ปุ่นที่มีแนวโน้มเปลี่ยนไปในอนาคต ผู้ประกอบการไทยเองก็ควรติดตามแนวโน้มอย่างใกล้ชิด เพื่อทำความเข้าใจ และพร้อมรับมือกับโอกาสทางธุรกิจที่จะ เกิดขึ้นใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้
แห่งอ้างอิง : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
สำนักข่าว NHK World Japan