ตามที่สื่อมวลชน (ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล) ได้มีการเผยแพร่ข่าวระบุว่า นายกฯ เบรก ขสมก. หลังถก คนร. ครั้งล่าสุด ตามติดแผนฟื้นฟูกิจการแก้ปัญหาหนี้สะสมแสนล้าน เจอติงโครงการจ้างเหมาวิ่งรถเมล์ EV นำร่อง 224 คัน มูลค่า 953 ล้าน อาจเลี่ยงปมไม่ผ่านบอร์ดสภาพัฒน์ตรวจสอบ สั่งด่วนไปคุย สศช. เช็กเข้าข่ายเป็นงบลงทุนที่เสนอบอร์ดหรือไม่
องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กระทรวงคมนาคม ขอชี้แจงว่า ปัจจุบัน ขสมก. มีรถโดยสารประจำทางอยู่ 2,885 คัน และมีเส้นทางให้บริการ จำนวน 107 เส้นทาง และอยู่ระหว่างการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. เนื่องจากที่ผ่านมา ขสมก. ประสบปัญหาการขาดทุนจากต้นทุนการให้บริการไม่สอดคล้องกับรายได้ที่ได้รับทำให้มีภาระหนี้สินผูกพันต่อเนื่อง ประมาณ 124,000 ล้านบาท และรถโดยสารประจำทางของ ขสมก. ที่มีอยู่มีสภาพชำรุดทรุดโทรม ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงและดูแลรักษาประมาณ 1,600 ล้านบาท/ปี ประกอบกับตามหลักเกณฑ์การบรรจุรถโดยสารประจำทางเพื่อขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบการจากกรมการขนส่งทางบกกำหนดให้ต้องนำรถใหม่หรือรถที่จดทะเบียนไว้ไม่เกิน 2 ปี เพื่อบรรจุในใบอนุญาตดังกล่าวภายในระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่ได้รับใบอนุญาตประกอบการ ส่งผลให้ ขสมก. มีความจำเป็นต้องจัดหารถโดยสารประจำทางอย่างเร่งด่วน เพราะไม่มีรถใหม่บรรจุตามเงื่อนไขดังกล่าว ประกอบกับหากไม่สามารถนำรถไปบรรจุได้ทันภายในระยะเวลากำหนดอาจส่งผลให้ ขสมก. เสียสิทธิการเป็นผู้ประกอบกิจการเดินรถอันเป็นภารกิจหลักขององค์การ รวมทั้งไม่สามารถให้บริการประชาชนได้อย่างเท่าเทียมทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่ใช้บริการรถโดยสารประจำทางของ ขสมก.
ส่วนในเรื่องของการจัดหารถโดยสารในวิธีการจ้างเหมาบริการ แทนที่จะเป็นการซื้อหรือการเช่ารถโดยสารประจำทางนั้น ขสมก. ขอชี้แจงว่า การจ้างเหมาบริการ (เอกชนจัดหารถโดยสารและพนักงานขับรถ) เป็นการใช้งบดำเนินงานจากค่าโดยสาร ส่วนต่างของต้นทุนด้านเชื้อเพลิง (จากน้ำมันดีเซลเป็นระบบไฟฟ้า) ส่วนต่างของค่าเหมาซ่อมที่ลดลง รวมทั้งต้นทุนค่าใช้จ่ายในการจ้างบุคลากรเดินรถ โดยไม่ใช้งบลงทุนเพิ่มในการดำเนินการ ไม่ต้องกู้เงินเพิ่ม และไม่เป็นภาระผูกพันในระยะยาว เนื่องจากเป็นการทำแผนงานระยะเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาที่เป็นวิกฤตของ ขสมก. โดยเป็นสัญญาระยะสั้นในช่วงที่รอให้แผนฟื้นฟูได้รับความเห็นชอบ ให้ดำเนินการ โดยแนวทางการจัดหารถโดยสารด้วยวิธีการจ้างเหมาบริการนั้น ขสมก. อ้างอิงตามหลักการจำแนกงบประมาณรายจ่ายตามงบประมาณในหมวดค่าใช้สอย ที่หมายถึงรายจ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งบริการ (ค่าจ้างเหมาบริการ เพื่อให้ผู้รับจ้างทำการอย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของผู้รับจ้าง แต่มิใช่เป็นการประกอบ ดัดแปลง
ต่อเติมหรือปรับปรุง ครุภัณฑ์ที่ดินและสิ่งก่อสร้าง) ตามหนังสือของสำนักงบประมาณ ที่ นร 0704/ว 33 ลงวันที่ 18 มกราคม 2553 อย่างไรก็ดีภายใต้ขอบเขตของการดำเนินงานในโครงการนี้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเดินรถและลดมลภาวะในเขตเมือง รวมทั้งการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของ ขสมก. ดังที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้น ซึ่งมีความต้องการรถโดยสารประจำทาง ประมาณ 200 คัน โดยไม่ใช้งบลงทุน เพราะไม่เป็นรายจ่ายเพื่อให้เกิดสินทรัพย์ถาวร จึงไม่เข้าข่ายดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติเกี่ยวกับงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2563 ประกอบกับ มาตรา 7 (5) แห่ง พ.ร.บ. สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. 2561
อย่างไรก็ตาม จากการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2565 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้ ขสมก. เร่งรัดการดำเนินการตามมติการประชุม คนร. และทุกข้อสังเกตในที่ประชุมให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการที่มีประสิทธิภาพและให้ประชาชนได้รับความพึงพอใจอย่างสูงสุด ทั้งในประเด็นการปรับปรุงแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. ให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และการขอคำปรึกษาหารือกับสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ให้มีความโปร่งใส ชัดเจน ตรวจสอบได้ เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัดต่อไป