จากกรณีเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการเรียกร้องให้มีการเฝ้าระวังป้องกันปัญหาอุบัติเหตุจราจร จากกรณีที่อาจเกิดจากการเมากัญชาหลังการปลดล็อกกัญชาไม่ใช่ยาเสพติด ซึ่งจะมีผลในวันที่ 9 มิ.ย. 2565 ซึ่งปัจจุบันประเด็นมียังไม่มีความคืบหน้า หรือแม้แต่การข้อมูลการบังคับใช้ในทางกฎหมายที่แน่ชัด
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของ นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่ออกมาเปิดเผยว่าขณะนี้ทางกรมการขนส่งทางบกอยู่ระหว่างการผลักดันห้ามผู้ขับรถสาธารณะใช้กัญชา หากตรวจเจอจะมีความผิดฐานเดียวกับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และขับรถ
โดยทางขนส่งกำลังออกข้อกำหนดในการตรวจอยู่ ส่วนประชาชนทั่วไปที่ขับรถนั้น คาดว่าจะมีการออกกฎหมายหรือข้อกำหนดตามมา แต่เนื่องจากไม่ใช่กฎหมายที่กระทรวงสาธารณสุขออกเอง จึงยังต้องติดตามต่อไป ส่วนกฎหมายที่กำลังศึกษาคือ พ.ร.บ.การสาธารณสุข เกี่ยวกับกลิ่นควันเป็นเหตุรำคาญ

ทางด้าน พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศอ.ปส.ตร.) เปิดเผยถึงการบังคับใช้กฎหมาย ว่า นับแต่วันที่ 9 มิ.ย.นี้ พืชกัญชาไม่ถือเป็นยาเสพติด และยกเลิกความผิดฐานผลิต นำเข้า หรือส่งออก มีไว้ในครอบครอง จำหน่ายมีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ หรือเสพพืชกัญชา รวมถึงการสูบ ก็ไม่ถือว่าเป็นความผิด
การมีพืชกัญชาไว้ในครอบครอง หรือปลูกกัญชา ไม่ว่าจะมีจำนวนเท่าใด ก็ไม่มีความผิด แต่การมีใช้ จำหน่าย สารสกัดจากกัญชาที่มีปริมาณสาร THC เกินกว่า 0.2% ไม่มีใบอนุญาต ไม่มีใบสั่งแพทย์ ไม่ผ่านการรับรองโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือเป็นสารสกัดจากกัญชานั้นมีแหล่งที่มาจากนอกราชอาณาจักร ยังถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย
ทั้งนี้ เมื่อตำรวจตรวจพบจะยังไม่ดำเนินคดีในทันที เนื่องจากไม่เป็นความผิดซึ่งหน้า ตำรวจจะต้องยึดสารสกัดนั้นส่งผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบหาค่าสาร THC สืบเสาะแหล่งที่มา ตรวจหลักฐานการขออนุญาต หากพบว่าผิดกฎหมาย จึงจะเรียกตัวมาแจ้งข้อกล่าวหา ดำเนินคดีภายหลัง