ล่วงเข้าสู่วันที่ 4 เม.ย.65 นับถอยหลังเข้าสู่ห้วงเวลาปลายหลายๆท่านคนพันธุ์ต.จ.ว.ที่แห่เข้าเมืองกรุงเพื่อปรุง-สร้างฝันสร้างอนาคตพลางขายแรงงาน-วิชาความรู้เพื่อแลกมาซึ่ง“เงินเดือน-ค่าแรง”ได้เวลาไหลออกจากเมืองกรุงมุ่งสู่ภูมิลำเนากลับไปเฉลิมฉลองกับครอบครัวอันเป็นที่รักในเทศกาลสงกรานต์วันขึ้นปีใหม่แบบไทยๆคาดกันว่าปลายสัปดาห์นี้น่าจะเห็นพี่น้องประชาชนเริ่มทยอยจากเมืองหลวงกันบ้างแล้ว
เป็นประจำทุกปีที่หน่วยงานภาครัฐต่างก็งัดหลายมาตรการเพื่ออำนวยความสะดวกความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนที่จะแห่ออกเดินทางจากเมืองกรุงสู่ทุกภูมิภาคของไทย หวังลดปัญหาการจราจรหนาแน่นและอุบัติเหตุบนท้องถนนอะไรเทือกนั้น
และก็มาตามนัดเหมือนทุกครั้งเมื่อเทศกาลหลักๆมาถึงกับ 7 ถนนต้องห้ามสิบล้อวิ่งที่ตำรวจทางหลวงประกาศให้ทราบโดยทั่วกันไว้ล่วงหน้าในทุกช่องทางโลกข่าวสาร และสงกรานต์ที่จะมาถึงนี้ก็ไม่พลาดห้ามรถบรรทุกสิบล้อขึ้นไปวิ่งในบางช่วงของ 7 ถนนสายหลัก เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้
ในป่าดงดิบสิบล้อเมืองไทยหลายท่านไม่บอกก็ทราบล่วงหน้าและเตรียมใจเอาไว้แล้ว แม้เปลือกความรู้สึกบางๆพวกเขาอาจพอรับได้ว่า“ต้องเสียสละ”(อีกแล้ว)เพราะบริบทความเป็น“พี่ใหญ่“บนท้องถนนแบกไว้บนบ่าชีวิตหลังพวงมาลัยอย่างพวกเขา ทว่า แกนแก่นความรู้สึกลึกๆพวกเขาอาจมองได้ว่า “สิบล้ออย่างพวกเขาถูกเลือกปฏิบัติ”หรือไม่?
ไปส่องดูว่าไอ้ 7 ถนนต้องห้ามนั้นมีเส้นไหนบ้าง?ช่วงไหนบ้าง?เผื่อพี่น้องสิบล้ออาจเผลอหลงผ่านไปบ้างในช่วงเวลาต้องห้ามแล้วจะได้รู้ทันและหาทางหลบเลี่ยงไปใชเส้นทางอื่น โดยตำรวจทางหลวงได้กำหนดห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไปเดินรถบนถนนบางสาย ตั้งแต่ 12-13เม.ย.2565 และ 16-18เม.ย.2565 ทั้งขาขึ้นและขาล่องใน 7 ถนนดังต่อไปนี้
1.มิตรภาพ…ยังคงเดิม
เบิกร่องกับถนนต้องห้ามสายแรกที่ขึ้นทำเนียบรถติดมหาโหดอันดับต้นๆของไทยยามเมื่อถึงเทศกาลสำคัญมาเยือน ต้องยกให้“ถนนมิตรภาพ…ยังคงเดิม” หรือถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 ตร.ทล.กากบาทห้ามสิบล้อขึ้นไปวิ่ง แต่ไม่ได้ห้ามวิ่งทั้งเส้นนะจ๊ะ แต่เป็นการห้ามวิ่งตั้งแต่ถนนมิตรภาพ ทับกวาง-สีคิ้ว (ทล.2)กม.15+600 ถึง กม.102 : ทับกวาง จ.สระบุรี-สีคิ้ว จ.นครราชสีมา รวมสิริระยะทาง 87 กม.
2.เขาปักนั่นไง…จะเขาไหน?
รองลงมาก็ไม่ใช่เส้นไหนก็เส้นกบินทร์บุรี-ปักธงชัย (ทล.304) หรือที่พากันเรียกขาน“เส้นเขาปัก” นี่ก็คุณภาพคับแก้วในเรื่องรถติดวินาศสันตะโร มวลยานพาหนะมักสามัคคีชุมนุมโดยเวลานัดหมายช่วงเทศกาล ห้ามสิบล้อวิ่งตั้งแต่ตั้งแต่ กม.165 ถึง กม.222 กบินทร์บุรี – วังน้ำเขียว ระยะทาง 57 กม.
3.ถนนบุรีรัมย์ -อรัญประเทศ บายพาสเสาไห้
ต่อมาเป็นถนนถนนบุรีรัมย์-อรัญประเทศ บายพาสเสาไห้ (ทล.348) ตั้งแต่ กม.71 ต.ทัพราช อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ถึง กม.83 ต.ลำนางรอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ระยะทาง 12 กม.
4.ถนนพหลโยธิน เข้าเมืองปากน้ำโพ (ทล. 1)
เส้นที่ 4 เป็นคิวถนนพหลโยธินเข้าตัวเมืองนครสวรรค์ ตั้งแต่ กม.332 ที่ 332 ต.กลางแดด อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ถึงกม.ที่ 347 ต.นครสวรรค์ตก อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ระยะทาง 15 กม.ด้วยกัน
5.ถนนรังสิโยทัย ปากน้ำโพ-บางม่วง (ทล.117)
อันดับ 5 ยังวนเวียนอยู่แถวเมืองปากน้ำโพ เป็นถนนรังสิโยทัย (ทล. 117) ตั้งแต่กม.ที่ 0+000 ต.ปากน้ำโพ อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ถึงกม.ที่ 7 ต.บางม่วง อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ระยะทาง 7 กม.
6.ถนนพหลโยธิน เข้าเมืองสระบุรี (ทล. 1)
เป็นอีกบางช่วงของทางหลวงหมายเลข 1 ปักหมุดตั้งแต่กม.ที่ 99+800 ถึงกม.ที่ 106+150 ต.หนองยาว อ.เมืองสระบุรี จ.สระบุรี ระยะทาง 7 กม.
7.ถนนเลี่ยงเมืองสระบุรีฝั่งตะวันตก (ทล.362)
ปิดท้ายด้วยถนนเลี่ยงเมืองสระบุรีฝั่งตะวันตก (ทล.362) ตั้งแต่กม.ที่ 0+000 ถึงกม.ที่ 9+288 ต.ปากข้าวสาร อ.เมืองสระบุรี จ.สระบุรี ระยะทาง 9 กม.
ถามว่ากรณีรถบรรทุกบางประเภทที่มีความจำเป็นต้องเดินรถใน 7 ถนนต้องห้ามดังกล่าวข้างต้นในช่วงเวลาที่ได้ร่ายมานี้จะทำอย่างไร?ทางตร.ทล.ท่านกรุณาแนะนำว่ากรณีใช้เส้นทางข้อ 1,2 และ 3 ให้ขอผ่านตำรวจทางหลวง เพื่อเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติอนุญาต กรณีใช้เส้นทางข้อ 4 และ 5 จ.นครสวรรค์ และกรณีใช้เส้นทางข้อ 6 และ 7 จ.สระบุรีให้ขอตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี
ทราบแล้วก็รู้เรื่องตามนี้และควรเตรียมตัวเตรียมการไว้ล่วงหน้าก็ดี ขอให้สิงห์รถบรรทุกในทุกเส้นทางเดินทางปลอดภัย!
:ลมใต้ปีก