อิทธิพัทธ์ เอ็นจิเนียริ่ง ปรับแผนขยายธุรกิจรุกงานขนส่งค้าปลีก

นายสมพงษ์ โตนา กรรมการผู้จัดการ หจก. อิทธิพัทธ์ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์เซอร์วิส เปิดเผยว่า ได้เริ่มดำเนินธุรกิจขนส่งค้าปลีกปีนี้เป็นปีที่ 2 ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยได้รับความไว้วางใจจากบริษัทขนส่งยักษ์ใหญ่ให้เข้าร่วมบริการขนส่งกระจายสินค้าห้างค้าปลีกทำให้ยอดรายได้ในปีแรกสูงถึง 40 ล้านบาท มีรถบรรทุกในฟลีทรวมกว่า 70 คัน และคาดว่าปีนี้จะสามารถทำรายได้เติบโตขึ้นอีกเท่าตัว โดยมีเป้าหมายรักษารายได้ธุรกิจให้เติบโตขึ้นอย่างน้อย 50 ล้านบาทในทุก ๆ ปี  พร้อมทั้งเพิ่มรถในฟลีทให้ได้ 170 คันในปี พ.ศ. 2565

“ธุรกิจดั้งเดิมผมคือธุรกิจก่อสร้าง ตอนนี้ผมก็ยังทำอยู่ มีอยู่ 2 บริษัท คือห้างหุ้นส่วนจำกัด ดีสยามเอ็นจิเนียริ่ง และห้างหุ้นส่วนจำกัด สยามโกลว์ เอ็นจิเนียริ่ง ซึ่งทั้งสองบริษัทดำเนินธุรกิจก่อสร้างมานานมากกว่า 14 ปี และอิทธิพัทธ์ เอ็นจิเนียริ่ง ถือเป็นธุรกิจใหม่ล่าสุดที่ดำเนินการมาเข้าสู่ปีที่ 2 ซึ่งเป็นผลพวงจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ที่ทำให้ธุรกิจก่อสร้างมีการชะลอตัวไประยะหนึ่ง แต่ก็เป็นจังหวะให้เราได้ขยายกิจการเริ่มธุรกิจใหม่ โดยเราได้ได้รับมอบหมายจากผู้ว่าจ้างให้รับผิดชอบขนส่งผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม CPF ในการกระจายสินค้าจากศูนย์กระจายจังหวัดขอนแก่นไปยังห้างค้าปลีกจังหวัดต่าง ๆ ทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงงานขนส่งกระจายสินค้าจากศูนย์กระจายสินค้าวังน้อยไปยังห้างค้าปลีกที่มีสาขาทั่วกรุงเทพมหานคร” นายสมพงษ์ กล่าว

นายสมพงษ์ กล่าวเสริมว่าท่ามกลางวิกฤตโควิด-19  ธุรกิจขนส่งสินค้าอุปโภค-บริโภคยังคงเติบโตไปได้ แม้ว่าจะมีช่วงที่ห้างสรรพสินค้าปิดบางส่วน แต่ในส่วนซุปเปอร์มาร์เก็ตยังคงเปิดให้บริการ ทำให้ความต้องการด้านขนส่งได้รับผลกระทบไม่มาก และมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

“สิ่งสำคัญที่ทำให้ธุรกิจของเราเติบโตไปได้ตามความต้องการงานขนส่งสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น คือการที่เรารักษาคุณภาพการบริการที่ดี จริงใจต่อลูกค้า เพราะผู้ว่าจ้างของเราเป็นบริษัทขนส่งขนาดใหญ่ที่มีมาตรฐานระดับโลก เราจึงมีความเข้มงวดเรื่องวินัยของพนักงานขับรถของเรา โดยห้ามมีปัญหาเรื่องสารเสพติด แอลกอฮอล์ เคร่งครัดในการรักษาวินัยจราจรของพนักงานขับรถ และวิ่งรถในความเร็วตามกำหนดไม่เกิน 65 กม.ต่อชั่วโมง ทำให้เราได้รับความไว้วางใจจากผู้ว่าจ้างอย่างต่อเนื่อง” นายสมพงษ์ กล่าว

อิทธิพัทธ์ฯ ให้ความใส่ใจในคุณภาพชีวิตพนักงานขับรถมาเป็นอันดับแรก ทางบริษัทฯ จึงเลือกลงทุนซื้อรถบรรทุกที่มีคุณภาพเพื่อให้พนักงานขับรถมีความพึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ โดยล่าสุดได้รับมอบรถยูดี ทรัคส์ เพิ่มเติมอีก 2 คัน เป็นการทยอยรับมอบจากยอดสั่งซื้อทั้งหมด 14 คัน เพราะเชื่อมั่นในเทคโนโลยี และสนใจในเกียร์กึ่งอัตโนมัติ Escot ที่ทำให้พนักงานขับรถสามารถขับขี่ได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น รวมไปถึงการให้บริการหลังการขายที่ใกล้ชิดกับลูกค้า และมีศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศ

“พนักงานขับรถคือหัวใจสำคัญของทุกธุรกิจบริษัทขนส่ง เราจึงต้องดูแลพวกเขา ให้เขาได้ขับรถที่ดี ให้ผลตอบแทนเป็นอย่างดี เขาจึงจะอยากอยู่กับเรา และยังช่วยบริหารต้นทุนสำคัญอย่างน้ำมัน และดูแลรถให้เราให้อยู่ในสภาพดีอยู่ตลอด สุดท้ายก็ทำให้ธุรกิจเราไปต่อได้” นายสมพงษ์ กล่าว