“เอ็ม เอ เอ็น ทรัค แอนด์ บัส” (MAN Truck & Bus) เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์และให้บริการขนส่งของยุโรป ด้วยขอบข่ายผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมตั้งแต่รถตู้ รถบรรทุก รถบัส ไปจนถึงเครื่องยนต์ดีเซลและเครื่องยนต์ที่ใช้แก๊ส ตลอดจนบริการที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งมวลชนและสินค้า
โดยย้อนหลังไปราว 260 ปี เอ็ม เอ เอ็น ได้มีส่วนอย่างมากในการปฏิวัติโลกยุคใหม่ ซึ่งมีจุดเริ่มต้นในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรปในช่วงศตวรรษที่ 18-19 ส่วนหนึ่งมาจากการค้นพบเครื่องยนต์ดีเซลโดย รูดอล์ฟ ดีเซล ในปี 1893 การประดิษฐ์เครื่องยนต์ดีเซลเครื่องแรกนี้เกิดขึ้นที่เมืองเอาท์บวก ประเทศเยอรมนี และเครื่องยนต์ดังกล่าวถูกเรียกตามชื่อผู้ประดิษฐ์ว่า “เครื่องยนต์ดีเซล” จากนั้นราวร้อยปีให้หลัง เครื่องยนต์ดีเซลได้กลายเป็นชิ้นส่วนหลักในรถบรรทุกหนักทั่วโลก
เอ็ม เอ เอ็น เติบโตและก้าวเป็นนำการผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์อย่างต่อเนื่องด้วยเทคโนโลยีที่ถือว่าก้าวหน้าที่สุดของโลก โดยในปี 1915 ได้เริ่มเดินสายการผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่โรงงานประกอบรถยนต์ขนาดเล็ก และในปี 1924 เอ็ม เอ เอ็นเปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซลเครื่องแรกของโลกที่มาพร้อมระบบอัดฉีดเชื้อเพลิง (direct-injection) และโครงสร้างของรถบัสที่ออกแบบใหม่ทั้งหมดบนตัวถังแบบ low-frame chassis อีกทั้งในปี 2006 เอ็ม เอ เอ็น ยังเป็นผู้ผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์รายแรกที่แนะนำวิธีการทดสอบความเย็นที่ทันสมัยและรวดเร็วเชื่อถือได้รวมทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังมอบประสิทธิภาพสูงสุดด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้เครื่องยนต์สามารถมอบระดับการใช้เชื้อเพลิงในระดับต่ำสุดในอัตราส่วนกำลังต่อหน้ำหนักสูงสุด
แน่นอนหากพูดถึงหนึ่งในจุดเด่นของรถบรรทุกของเอ็ม เอ เอ็น ที่เลื่องชื่อก็ต้องหนีไม่พ้นเครื่องยนต์ และครั้งนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จัก MAN Engines กันให้มากขึ้น

เครื่องยนต์จากวิศวกรรมเยอรมันนี
MAN Engines เป็นเครื่องยนต์เฉพาะที่มาพร้อมประสิทธิภาพหลากหลายซึ่งครอบคลุมช่วงกำลังตั้งแต่ 37 ถึง 1471 กิโลวัตต์ (50 ถึง 2000 แรงม้า) ความจุ 4.6 ถึง 25.8 ลิตร โดยเครื่องยนต์ทุกชิ้นถูกผลิตขึ้น ณ เมืองนูเรมเบิร์ก (Nuremberg) ในประเทศเยอรมนี ศูนย์กลางความเป็นเลิศด้านเครื่องยนต์ระดับสากลเป็นสถานที่ที่เครื่องยนต์มีความหมายทุกอย่างโดยโรงงานแห่งนี้ผลิตเครื่องยนต์ทั้งดีเซลและแก๊ส ไม่ว่าจะเป็น เครื่องยนต์บนถนนสำหรับยานพาหนะที่ใช้งานบนถนนโดยเฉพาะ เช่น รถบรรทุก เครื่องยนต์ออฟโรดสำหรับการดำเนินงานในภาคเกษตรกรรม ภาคการก่อสร้าง และทางรถไฟในตู้รถไฟและรางรถไฟ เครื่องยนต์เรือเดินทะเลสำหรับใช้ในเรือยอทช์และเรือเดินทะเล และเครื่องยนต์ที่ใช้ในเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
ศักยภาพเครื่องยนต์เพื่อใช้งานนานต่อเนื่อง

ทั้งนี้การใช้งานของเครื่องยนต์แต่ละประเภท อาจมีการใช้งานของกำลังขับของเครื่องยนต์ที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น เวลาการทำงานสูงสุดต่อปีในเครื่องยนต์บางประเภทคือ 1,000 ชั่วโมง หรือสูงสุด 20% เมื่อโหลดเต็ม ในขณะที่เครื่องยนต์ประเภทอื่น ๆ มีเวลาการทำงานที่ไม่จำกัดภายใต้การโหลดเต็ม 100% เป็นต้น อย่างไรก็ตามยังแตกต่างกันตามกฎหมายของแต่ละประเทศที่เกี่ยวกับการปล่อยไอเสียอีกด้วย ในขณะที่ขั้นตอนการออกแบบการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้ดำเนินการในทำนองเดียวกัน โดยเครื่องยนต์ที่มีกำลังขับต่ำกว่าอาจมีเวลาในการทำงานนานกว่ามาก ด้วยเหตุนี้การทดสอบเพื่อตรวจสอบระบบเครื่องยนต์โดยรวมจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกการใช้งาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถูกนำมาพิจารณาในระหว่างการออกแบบเครื่องยนต์พื้นฐานทั้งหมด
ถูกสร้างมาด้วยมาตรฐานความประหยัดและสิ่งแวดล้อม
เครื่องยนต์เอ็ม เอ เอ็น กว่า 100,000 เครื่องที่ถูกผลิตขึ้นมาในทุก ๆ ปี การันตีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงสุด โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้เกิดการลดการใช้พลังงานสูงสุด ประหยัดน้ำมัน และมีอายุการใช้งานนานที่สุด นอกจากนี้เครื่องยนต์ของ เอ็ม เอ เอ็น ถูกออกแบบมาเพื่อการพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างอย่างยืน ด้วยการลดการปล่อยมลพิษในอากาศ หรือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญสามารถสั่งผลิตแบบพิเศษเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในประเทศต่าง ๆ ได้อีกด้วย

สำหรับเครื่องยนต์รถบรรทุกเอ็ม เอ เอ็น ที่ใช้งานบนถนนล้วนอยู่ภายใต้ข้อกำหนดพิเศษที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดเช่นกัน อีกทั้งพื้นที่ติดตั้งเครื่องยนต์ในรถบรรทุกทั่วไปมีพื้นที่จำกัด ทำให้รถบรรทุกส่วนใหญ่มักจะติดตั้งเครื่องยนต์ 6 สูบ ซึ่งเป็นประเภทการออกแบบเครื่องยนต์ที่มีขนาดกะทัดรัด นอกเหนือจากช่วงแรงบิดที่กว้างและอัตราเร่งที่ทรงพลังแล้ว เกณฑ์การออกแบบที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือน้ำหนักเครื่องยนต์ที่ต่ำเป็นหลัก เพราะหากเครื่องยนต์มีน้ำหนักต่ำก็จะทำให้รถสามารถบรรทุกสิ่งของได้มากขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้เครื่องยนต์ของเอ็ม เอ เอ็น ยังมามีอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักต่ำสุดในระดับเดียวกัน
โดยรถบรรทุกเอ็ม เอ เอ็น ที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ได้แก่ 1.TGS 6×4 360 แรงม้า 2.TGS 6×4 400 แรงม้า และ 3.TGS 6×4 440 เป็นเครื่องยนต์ D2066 ยูโร 3 ซึ่งได้รับการคิดค้นและพัฒนามาตั้งแต่ปี 2004 เป็นต้นมา มาพร้อมกับระบบหัวฉีดแบบคอมมอนเรล พร้อมระบบอินเตอร์คูลเลอร์เทอร์โบชาร์จ ที่รวมถึงระบบการเผาไหม้ที่เหมาะสม ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่นและเงียบสนิท ทั้งยังปล่อยมลพิษน้อยลง และได้รับการยกย่องเป็นมาตรฐานเครื่องยนต์ในปัจจุบัน นอกจาเครื่องยนต์อันทรงพลังแล้ว รถบรรทุกทุกคันมาพร้อมความความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ด้วยระบบช่วยเหลืออัจฉริยะและระบบความปลอดภัยเพื่อรองรับผู้ขับขี่อย่างเหมาะสมที่สุดในทุกพื้นที่ในราคาที่ทุกคนสามารถจับต้องได้