กรณีสื่อออนไลน์ได้นำเสนอคลิปอุบัติเหตุรถกระบะคอกเกิดยางระเบิดแล้วเสียหลักหมุนพลิกคว่ำบนถนนมิตรภาพเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทว่า เดชะบุญที่รถบรรทุกคันที่อยู่เลนซ้ายสุดเบรกทัน และเดชะบุญยกกำลังสองที่คนขับรถกระบะคันดังกล่าวไม่เป็นอะไรมาก
Trans Time ขอนำเสนอข้อคิดและข้อแนะนำสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนให้ปลอดภัยกรณีรถของท่านเกิด“ยางระเบิด”ขณะขับรถต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง?

6 ข้อแนะนำที่ควรทำ
1.อันแรกเลยมือทั้งสองข้างต้องจับพวงมาลัยอย่างมั่นคง
2.ถอนคันเร่งออก
3.ควบคุมสติให้ดีอย่าตกใจสติหลุดมองกระจกหลังเพื่อรู้ว่ามีรถตามมาบ้างหรือไม่แล้วเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน
4.แตะเบรกอย่างแผ่วเบาและถี่ๆ
5.เมื่อความเร็วรถลดลงพอประมาณแล้วให้ยกสัญญาณไฟเลี้ยวเข้าข้างทางซ้ายมือ
6.เมื่อความเร็วลดลงระดับควบคุมได้ ให้เปลี่ยนเกียร์ต่ำลงและหยุดรถ

3 ข้อห้าม…อย่าหาทำเป็นอันขาด!
1.อย่าแตะเบรกแรงเป็นอันขาด เพราะว่าจะทำให้รถหมุนเคว้ง-พลิกคว่ำได้
2.ห้ามเหยียบคลัตช์โดยเด็ดขาดเพราะถ้าเหยียบคลัตช์รถจะไม่เกาะถนนรถจะลอยตัว และจะทำให้บังคับรถได้ยากยิ่งขึ้น อาจเสียหลักเพราะการเหยียบคลัตช์เป็นการตัดแรงบิดเครื่องยนต์ให้ขาดจากเพลา (ใครขับเกียร์ออโต้ก็ข้ามข้อนี้ไป)
3.ห้ามดึงเบรกมืออย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้รถหมุนได้
ทั้งนี้ ข้อสังเกตเมื่อยางระเบิดไม่ว่าจะเกิดจากยางด้านใดทั้งล้อหน้าหรือล้อหลังก็ตาม หากระเบิดด้านซ้ายรถก็จะแฉลบไปด้านซ้ายก่อนแล้วสะบัดกลับและสะบัดไปด้านซ้ายอีกทีสลับกันไปมา ตรงกันข้ามหากระเบิดด้านขวาอาการก็จะกลับเป็นตรงกันข้าม
ขับรถเร็ว…อาจสายเกินแก้!
สิ่งที่ที่ดีงสติและพึงระวังให้จงหนักอุบัติเหตุร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติลักษณะนี้ส่วนมากก็คือหากขณะยางระเบิดรถวิ่งมาด้วยอัตราความเร็วสูงมากๆ พอยางระเบิดขึ้นมาแล้วรถก็จะกลิ้งทันทีทำอะไรไม่ได้ ดังนั้น การขับรถที่ใช้ความเร็วสูงๆจึงมักจะแก้ไขอะไรในเรื่องนี้ไม่ได้ เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นขณะขับรถจึง“ไม่ควรขับรถเร็ว” ซึ่งความเร็วที่ปลอดภัยใน DEFENSIVE DRIVING คือ ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม.

ยางนั้น…สำคัญไหน?
นอกจากนี้แล้ว ผู้ขับขี่ควรหมั่นตรวจสอบสภาพยางรถท่านด้วย เพราะสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการยางระเบิด มีดังต่อไปนี้
1.ยางหมดอายุการใช้งาน เช่น แก้มยางมีรอยแตกลายงา บวม ฉีกขาด ดอกยางหมดสภาพ เป็นต้น
2.ยางเก่าเก็บ
3.ขับรถโดยใช้ความเร็วเกินพิกัดยางที่กำหนดไว้
4.บรรทุกน้ำหนักเกินค่ากำหนด
5.สูบลมยางไม่ถูกต้อง
6.เปลี่ยนยางใหม่แต่ใช้จุ๊บเติมลมอันเก่า
7.ยางร้อนจัดเนื่องมาจากเบรกติดที่ล้อใดล้อหนึ่ง กรณีนี้อาจทำให้เกิดไฟไหม้รถได้
8.เลือกใช้ยางไม่ถูกขนาด เช่น เอายางรถเก๋งมาใส่รถปิคอัพ เป็นต้น
9.แก้มยางเสียดสีกับขอบถนน
ขึ้นชื่อว่า“อุบัติเหตุ”บนท้องถนนไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นไม่ว่ากับตัวเราหรือเพื่อนร่วมทาง ทว่า หากเราไม่ประมาทและมีการเตรียมตัวดีทั้งคนและรถให้มีสภาพความพร้อม อีกทั้งยังรู้ข้อปฏิบัติสิ่งไหนควรทำและสิ่งไหนไม่ควรทำเป็นอันขาดก็จะช่วยให้เราและเพื่อนร่วมทางเกิดความปลอดภัย
สนับสนุนการลดอุบัติเหตุและใช้รถใช้ถนนให้ปลอดภัย โดย :