เตรียมวิ่งฉิว! ผ่านหน้าด่าน “ทางด่วน-มอเตอร์เวย์” แบบไร้ไม้กั้น หวังแก้รถติดถาวร “กรมทางหลวง-การทาง-ขนส่ง-BEM-โทลล์เวย์” เด้งรับนโยบาย ”ศักดิ์สยาม” MOU นำระบบ M-Flow มาใช้รูปแบบเดียวกัน เชื่อปลายปี 63 ทดลองใช้จริง ก่อนจัดเต็มทุกสายภายในปี 64 ขู่เบี้ยวจ่ายปรับหนัก 10 เท่า พ่วงข้อหาไม่จ่ายเงินรัฐ-งดต่อทะเบียนรถ
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ด้วยการลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือในการเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับข้อมูลทะเบียนยานพาหนะ ระหว่างกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กรมทางหลวง(ทล.) และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) พร้อมบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เพื่อศึกษาและพัฒนาระบบเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น Multi-Lane Free Flow (M-Flow) ในรูปแบบและมาตรฐานเดียวกัน (Single Platform System) ร่วมกันระหว่าง ทล. กทพ. ขบ. บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM และบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน)
“การ MOU ดังกล่าว นับเป็นวันประวัติศาสตร์ ในการแก้ไขปัญหารถติดสะสมบริเวณหน้าด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษ (ทางด่วน) และทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) โดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ สอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วน โดยในขณะนี้เริ่มเห็นเป็นรูปธรรมแล้ว หลังจากกรมทางหลวงได้ศึกษาและพัฒนาระบบ M-Flow ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยี Video Tolling แบบ AI ที่สามารถตรวจจับป้ายทะเบียนรถโดยอัตโนมัติ โดยจะทำหน้าที่บันทึกทะเบียนรถ เพื่อเรียกเก็บค่าผ่านทางเป็นรายเดือน เช่นเดียวกับค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์”
ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาผู้รับจ้างมาดำเนินการระยะที่ 1 และเตรียมนำร่องใช้กับมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 สายวงแหวนรอบนอกด้านตะวันออก (บางปะอิน-บางพลี) จำนวน 2 ด่าน ได้แก่ ด่านทับช้าง 1 และด่านทับช้าง 2 ซึ่งจะเป็นระบบ M-Flow ทุกช่องเก็บเงิน โดยจะยกเลิกช่อง M-Pass และช่องเงินสด คาดว่าจะทดสอบระบบได้ภายใน ธ.ค. 2563 ก่อนเปิดให้ประชาชนใช้งานอย่างเต็มรูปแบบหลังวันหยุดยางช่วงเทศกาลปีใหม่ ม.ค. 2564 ขณะที่กทพ.จะเริ่มนำร่องที่ทางด่วนฉลองรัช (รามอินทรา-อาจณรงค์) ในช่วง ก.พ. 2564 จากนั้นทั้ง 2 หน่วยงาน รวมถึงเอกชนที่ได้รับสัมปทานในการบริหารจัดการทางด่วน มอเตอร์เวย์ รวมถึงโทลเวย์ เร่งขยายผลให้ครบทุกด่านภายในสิ้นปี 2564 ทั้งนี้ ยืนยันว่าระบบดังกล่าวมีการใช้ในหลายประเทศ เช่น เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา เยอรมัน สเปน เป็นต้น
อย่างไรก็ดี เมื่อใช้ระบบ M-Flow แล้ว ด่านเก็บค่าผ่านทางที่มีอยู่คงไม่ได้ใช้แล้ว ดังนั้นระยะต่อไปขอให้ทั้ง 2 หน่วยงานตรวจสอบในสัญญาว่า สามารถรื้อถอนออกได้หรือไม่อย่างไร เพราะถ้าใช้ระบบ M-Flow เต็มรูปแบบแล้วก็อยากให้รื้อถอนตู้ค่าค่าผ่านทางออกทั้งหมด เพราะไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรแล้ว อย่างไรก็ตามระบบดังกล่าวนอกจากอำนวยความสะดวกให้ประชาชนไม่ต้องยุ่งยากในการใช้บริการแล้ว ทั้งนี้ ระบบ M-Flow ยังช่วยเรื่องของความมั่นคงด้วย กล่าวคือ ใช้ในการตรวจสอบยานพาหนะที่ผ่านมาเข้ามาในระบบได้อย่างแม่นยำ พร้อมบูรณาการข้อมูลกับกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) โดยจะทราบว่า รถที่เข้ามาในระบบมีอะไรบ้าง และมีประวัติอย่างไร ถูกต้องหรือผิดกฎหมาย เช่น ปลอมทะเบียน เปลี่ยนสี ถูกขโมย หรือใช้ประกอบอาชญากรรมผ่านเข้ามาในระบบหรือไม่ เป็นต้น ก่อนส่งต่อให้ ขบ.ตรวจสอบ เพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายต่อไป รวมถึงกรณีที่ผู้ใช้บริการชำระค่าใช้บริการไม่ครบ จะนำไปสู่การไม่ต่อทะเบียนรถให้ด้วย นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการหารือร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อให้เพิ่มข้อหาการไม่ชำระค่าผ่านทางเป็นความผิดตามพ.ร.บ.จราจรด้วย ซึ่งขณะนี้ทล.ได้เตรียมส่งเรื่องเข้าคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เพื่อพิจารณาแล้ว
“จะต้องนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรการจัดระบบการจราจรทางบก หรือ คจร. เพื่อนำเรื่องการเพิ่มโทษที่ไม่จ่ายค่าผ่านทางเข้าไปใน พ.ร.บ.จราจร เบื้องต้นหากมีส่งจดหมายไปเรียกเก็บแล้วผู้ผ่านทางไม่ยอมจ่ายจะมีโทษปรับมากถึง 10 เท่า ซึ่งเอกชนที่รับจ้างติดตามหนี้ผู้ที่ฝ่าฝืนไม่จ่ายค่าผ่านทาง จะจ่ายให้กรมทางหลวง และ กทพ.ก่อน แล้วไปตามเก็บภายหลัง”
อย่างไรก็ดี ขอฝากให้ 2 หน่วยงาน ทั้ง ทล. และ กทพ.ว่า การเปลี่ยนแปลงย่อมมีผลกระทบอาจเกิดขึ้น จึงย้ำว่าในส่วนของพนักงานที่ปฏิบัติงานอยู่ตามด่านเก็บเงินนั้นให้ ทล. กทพ. BEM และโทลย์เวย์ ไปพิจารณาหาทางเยียวยา โดยไม่ต้องการให้รีไทร์ แต่เปลี่ยนแปลงตำแหน่งให้ไปปฏิบัติงานอื่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการให้ดียิ่งขึ้น จึงขอให้มั่นใจว่าไม่เกิดผลกระทบต่อพนักงานแต่ในอนาคตคงไม่มีการรับพนักงานใหม่แล้ว
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า การดำเนินการระบบ M-Flow จะมีการเปิดประมูลว่าจ้างเอกชนเข้ามาเป็นผู้บริหารจัดการในการตรวจรถ เรียกเก็บเงิน และติดตามหนี้กรณีไม่จ่ายค่าผ่านทาง ซึ่งปัจจุบัน กทพ.และ ทล.มีปัญหาเรื่องการเก็บค่าผ่านทางที่ได้ไม่เต็ม 100% เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา มีผู้หนีด่านเฉลี่ยวันละประมาณ 2% อย่างไรก็ตาม เมื่อว่าจ้างเอกชนบริหารจัดการแล้ว เอกชนจะเป็นผู้การันตีการรายได้จากการเก็บค่าผ่านทาง และประกันความเสี่ยงให้กับทั้ง 2 หน่วยงาน โดยจะได้รายได้ครบ 100%
ด้านนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า ภายในสิ้นเดือนนี้ ทล.จะว่าจ้างเอกชน วงเงิน 180 ล้านบาท เพื่อติดตั้งระบบโครงสร้าง M-Flow ที่บริเวณด่านมอเตอร์เวย์สาย 9 ทั้ง 4 ด่าน ได้แก่ ด่านธัญบุรี 1, ด่านธัญบุรี 2, ด่านทับช้าง 1 และด่านทับช้าง 2 และอยู่ระหว่างร่างเอกสารประกวดราคา (ทีโออาร์) ว่าจ้างเอกชนเข้ามาบริหารจัดการระบบ M-Flow พร้อมติดตั้งกล้องบริเวณด่านเก็บค่าผ่านทาง คาดว่าจะประมูลได้ในปลาย ต.ค. 2563 จากนั้นจะทดสอบระบบในช่วง ธ.ค.นี้ และเปิดใช้อย่างสมบูรณ์ในต้นปี 2564 ก่อนขยายผลในทุกด่านต่อไป
ขณะที่ นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการ กทพ. กล่าวว่า เบื้องต้น กทพ. จะนำร่องใช้งานระบบ M-Flow ในโครงการทางพิเศษฉลองรัชและด่านฯ ที่เป็นจุดรองรับการจราจรที่ทิศทางขาเข้าเมือง ที่มีปริมาณจราจรหนาแน่น อาทิ ด่านฯ บางนา กม.6 ขาเข้า ด่านฯ ดาวคะนอง รวมถึงนำไปใช้กับทางพิเศษที่ กทพ. กำลังดำเนินการก่อสร้าง คือ โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก และโครงการทางพิเศษฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี อีกด้วย