มอเตอร์เวย์ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี เดินหน้าต่อหลังครม.ไฟเขียวกรอบวงเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินเพิ่ม 12,032 ล้าน พร้อมเปิดให้บริการปี 2566
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี หลังจากที่ ครม. อนุมัติกรอบวงเงินเพิ่ม 12,032 ล้านบาท จากวงเงินที่ต้องใช้ในการเวนคืนและจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 17,452 ล้านบาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างเส้นทางดังกล่าว ว่า ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี เป็นเส้นทางเชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคมสู่ภาคตะวันตก โดยมีจุดเริ่มต้นต่อเนื่องจากทางหลวงหมายเลข 9 สายกาญจนาภิเษก ถนนวงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก ผ่านพื้นที่ อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ,อำเภอนครชัยศรี, อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม, อำเภอท่ามะกา และไปสิ้นสุดที่ อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ระยะทางรวม 96.410 กิโลเมตร ลักษณะโครงการเป็นทางหลวงพิเศษขนาด 4 ถึง 6 ช่องจราจร มูลค่าโครงการรวม 49,120 ล้านบาทโครงการก่อสร้างงานโยธา มีจำนวนทั้งหมด 25 สัญญา อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ผลงานก่อสร้าง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2562 ร้อยละ 25.08 ช้ากว่าแผน 56.00 %ความล่าช้าที่เกิดขึ้น เป็นเพราะผู้รับจ้างเข้าพื้นที่ทำงานได้เพียง ร้อยละ 31 จากพื้นที่ก่อสร้างทั้งหมด เนื่องจากกรอบวงเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ได้รับไม่เพียงพอเมื่อได้รับอนุมัติกรอบวงเงินเพิ่มเติม กรมทางหลวง จะได้ส่งมอบพื้นที่เร่งรัดให้ผู้รับจ้างเข้าทำงานต่อตามแผนงาน และคาดว่าจะแล้วเสร็จทุกสัญญาในต้นปี 2566
งานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินวงเงินที่ได้รับอนุมัติ เป็นเงิน 5,420 ล้านบาท ปัจจุบันเบิกจ่ายไปหมดแล้วยังขาดอีก 12,032 ล้านบาทรวมเป็นเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งหมด 17,452 ล้านบาทวงเงินที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากกรอบวงเงินเดิมที่ได้รับการอนุมัติ ในปี 2558 ได้จากการประมาณราคาค่าเวนคืนเบื้องต้น โดยใช้ราคาประเมินทุนทรัพย์เป็นหลัก
ต่อมาในปี 2559 ได้มีการเข้าสำรวจพื้นที่จริง ทั้งที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และต้นไม้ อย่างละเอียด พบว่ามีจำนวนมากกว่าที่ได้ประมาณการเบื้องต้นประกอบกับมีการพัฒนาพื้นที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดโครงการสำคัญตามแนวเส้นทางมอเตอร์เวย์ และบริเวณใกล้เคียง ส่งผลทำให้สภาพการใช้พื้นที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากคณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้น จึงได้กำหนดราคาค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินตามสภาพความเป็นจริง โดยได้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 ทุกประการ ส่งผลให้วงเงินสูงเพิ่มมากขึ้นเมื่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติกรอบวงเงินเพิ่มเติม กรมทางหลวงจะเร่งจ่ายเงินให้ประชาชนที่ถูกเวนคืนภายในเดือนมีนาคม 2563 ครบทุกราย
อธิบดีกรมทางหลวงกล่าวต่อไปอีกว่านอกจากงานโยธา และงานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินแล้ว ยังมีการลงทุนงานระบบต่างๆ ซึ่งจะรวมอยู่ในขอบเขตของสัญญาการให้เอกชนร่วมลงทุน หรือ PPP ในส่วนของการดำเนินงาน และบำรุงรักษา (โอแอนด์เอ็ม) เช่นเดียวกับทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา ซึ่งประกอบด้วยด่านเก็บค่าผ่านทาง ระบบควบคุมและบริหารการจราจรและ ด่านชั่งน้ำหนักคาดว่าจะเซ็นสัญญา โอแอนด์เอ็ม ได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 และกระทรวงคมนาคมมีแผนที่จะเปิดให้บริการตลอดสาย ภายในปี 2566 จะทำให้การเดินทางจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ไปยังภาคตะวันตกของประเทศ เป็นไปโดยสะดวก มีส่วนสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในภูมิภาคให้ดีขึ้น และจะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมขนส่ง รวมทั้งการท่องเที่ยว ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศให้มีเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง และยั่งยืนสืบไป