เมื่อเอ่ยถึงมหากาพย์เรื่องยาวในประเทศไทย ทุกคนรู้ดีว่า เรื่อง “จัดซื้อรถเมล์ใหม่” ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) คงติด TOP3 แน่ เพราะทุกรัฐบาลต่างเร่งผลักดันให้โครงการแจ้งเกิด แต่ผ่านมาแล้ว 7 รัฐบาล หรือยาวนานกว่า 13 ปี ก็ยังไม่มีรัฐบาลไหนสามารถจัดซื้อรถเมล์ NGV ใหม่ได้
แต่ใครจะเชื่อว่า ในยุครัฐบาล “ลุงตู่-พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา” สามารถจัดซื้อรถเมล์ NGV ใหม่ได้ และผู้ที่ชนะการประมูลและสามารถจัดหารถเมล์ NGV มาจนครบ 489 คันได้ตามกำหนด ก็คือ กลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO (บมจ.ช ทวี และ บมจ. สแกนอินเตอร์)
คุณสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO เปิดเผยว่า กลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO ส่งมอบรถเมล์ NGV ใหม่ ล็อตสุดท้ายเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา จำนวน 89 คัน จากทั้งหมด 489 คัน ซึ่งถือเป็นการส่งมอบก่อนกำหนด เพราะต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ให้กับคนกรุงเทพฯ และปริมณฑล
ในส่วนงานบำรุงรักษาและซ่อมซ่อมแซมรถโดยสารนั้น เป็นไปตามสัญญาว่าจ้างระยะเวลา 10 ปี โดยในช่วงปี 1-5 จะคิดค่าซ่อมบำรุงที่ 925 บาทต่อคันต่อวัน และปีที่ 6-10 จะคิดค่าซ่อมบำรุง 1,730 บาทต่อคันต่อวัน เพื่อดูแลการบำรุงรักษาและซ่อมซ่อมแซม รถโดยสารในเขตการเดินรถที่ 1 , 2 , 3 และ 5 โดยทางกลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO มีการวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบเพื่องานบำรุงรักษาและซ่อมแซมควบคู่กันไป เพื่อให้ผู้ใช้บริการรถเมล์ ขสมก. เดินทางอย่างสะดวกและปลอดภัยทุกเส้นทาง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย
สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น ทำให้มั่นใจว่าปี 2562 นี้ จะมีอัตราการเติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจากในไตรมาส 2/62 รับรู้รายได้จากการส่งมอบรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงธรรมชาติ (เอ็นจีวี) ให้กับ ขสมก. ได้ครบจำนวน 489 คัน
ทั้งนี้ ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับเงินค่ารถครบตามสัญญาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้มีรายได้ในส่วนดังกล่าวเข้ามา ขณะเดียวกันบริษัทฯ จะมีรายได้จากค่าซ่อมบำรุงรถเมล์ NGV รุ่นใหม่ ซึ่งจะรับรู้ระยะยาว 10 ปี ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้บริษัทฯ มีรายได้เติบโตอย่างสม่ำเสมอ
“ขณะนี้บริษัทฯ ได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยมีผลประกอบการดีขึ้น ขณะที่ฐานะการเงินแข็งแกร่งมากขึ้น เห็นได้จากผลประกอบการไตรมาส 1/62 ออกมามีกำไรเพิ่มขึ้น 18% แตะระดับ 40 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับกำไรปี 2561 โดยทั้งปีที่มีกำไรสุทธิ 45.57 ล้านบาท และยังมี EBTIDA เพิ่มขึ้น 35% สะท้อนให้เห็นว่ามีเงินสดในมือเพิ่มขึ้น ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ จึงเป็นโอกาสที่จะทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนปีนี้ลดลงจากปีก่อน”
ส่วนแผนการขยายศูนย์ซ่อมบำรุง “สิบล้อ 24 ชม.นั้น คาดว่าภายในปีนี้ จะขยายเพิ่มอีก 2 แห่ง จากปัจจุบัน มีจำนวน 1 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี และได้เล็งเห็นถึงศักยภาพธุรกิจที่สร้างกระแสเงินสดต่อเนื่อง และมีอัตรากำไรขั้นต้นในระดับที่ดีอีกด้วย
อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน บริษัทฯ มีงานในมือ (แบ็คล็อก) รอรับรู้รายได้อยู่ที่ 2,970 ล้านบาท โดยมีแผนจะเดินหน้าเข้าร่วมประมูลโครงการต่างๆ ของภาครัฐ เช่น รถเช่าของ ขสมก. จำนวน 300 คัน หรือ เข้าร่วมกับพันธมิตรเพื่อร่วมประมูลงานรถเช่าของขมสก. จำนวน 400 คัน เป็นต้น
สำหรับผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 1/62 บริษัทมีกำไรสุทธิ 40.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.21% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน และกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 83.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% จากงวดเดียวกันปีก่อน รวมทั้ง EBITDA เท่ากับ 97.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากงวดเดียวกันปีก่อน เนื่องจากมีรายได้กลุ่มสินค้าออกแบบพิเศษในการประกอบลำเลียงอาหาร และสัดส่วนรายได้จากการบริการซ่อมบำรุงรถบรรทุกที่เพิ่มขึ้น
…ฟันเหล็ก